3 ผู้บริหารหญิงยุคใหม่ กับแนวคิดใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจรับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ

ไขเคล็ดลับและแนวคิดที่ผลักดันให้ผู้นำหญิงในโลกธุรกิจขึ้นมายืนแถวหน้า นักธุรกิจหญิงแกร่งที่ทรงพลังต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ จนทำให้พวกเธอสามารถขึ้นมายืนแถวหน้าอย่างภาคภูมิ โดยมีภารกิจท้าทายในการรับมือกับ Technology Disruption ที่นับวันจะยิ่งแผ่ขยายไปในวงกว้างขึ้นทุกที Bangkok Bank SME จึงนำเรื่องราวผู้บริหารหญิงผู้โดดเด่น บทความพิเศษเนื่องในเดือนแห่ง ‘สตรีสากล’ ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ด้วยสินค้านวัตกรรมที่ดีต่อสุขภาพ เพราะคาดเทรนด์โลกในอนาคตทุกคนจะหันให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ นำมาสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปดูกรณีศึกษา 3 ผู้บริหารหญิงต้นแบบคนรุ่นใหม่ ที่ใช้นวัตกรรม สร้างอาหารรูปแบบใหม่รับเทรนด์สุขภาพยุคดิจิทัล เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ต้องการอาหารที่มีคุณภาพ สะดวก ปลอดภัย ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นผู้นำในธุรกิจอาหาร ที่ใช้นวัตกรรมเพิ่มความสามารถ ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ

‘เส้นไข่ขาว นิ่มนิ่ม’ นวัตกรรมอาหารโปรตีนเส้นไข่ขาว ครั้งแรกของโลก

หากพูดถึงองค์ประกอบของการทำธุรกิจ SME ในประเทศไทย นอกจากการมุ่งพัฒนาในด้านการผลิต ลดต้นทุน และการบริหารจัดการด้านการตลาดแล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหา และเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ อย่างเช่น แบรนด์ ‘เส้นไข่ขาว นิ่มนิ่ม’ นวัตกรรมอาหารโปรตีน ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วย Food Tech Startup ที่คิดค้นโดยคนไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท แข็งแรงทุกวัน จำกัด เริ่มต้นธุรกิจจากกลุ่มเพื่อน 3 คน ได้แก่ คุณปณัสสา กาญจนวิเศษ, คุณอุมาพร บูรณสุขสมบัติ และคุณวรวีร์ เชาวน์พิชญ์ชยา เพื่อพัฒนาอาหารสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับโปรตีนจากไข่ขาวตามแพทย์สั่ง

ทั้งหมดเริ่มมาจากงานวิจัยสมัยเรียนปริญญาเอกด้านโภชนาการของ คุณอุมาพร บูรณสุขสมบัติ ที่อยากทำอาหารสำหรับผู้ป่วยชนิดนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ

1. เห็นปัญหาของผู้ป่วยที่ต้องรับประทานไข่จำนวนมาก แต่โดนจำกัดอยู่ที่รูปแบบเดิม ๆ หากไม่รับประทานก็ไม่มีโปรตีนจากไข่เข้าไปฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ร่างกายผู้ป่วยแย่ลง

2. ไข่ขาวสามารถปรับเป็นรูปแบบใดได้อีกบ้าง ถ้าดูตามโครงสร้างวิทยาศาสตร์ โปรตีนของไข่ขาวมีลักษณะลื่น น่าจะนำมาทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวได้

3. ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่ทั้งคนไทย คนเอเชีย และทั่วโลก รู้จักดีอยู่แล้ว ถ้าทำขึ้นมาน่าจะเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง โดยเริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ป่วยก่อน แล้วค่อยขยายไปยังกลุ่มคนรักสุขภาพ

ผู้บริหารสาว บอกว่า ธุรกิจนี้เติบโตจากงานวิจัยบนกระดาษ โดยมีกำลังสำคัญอย่าง คุณปณัสสา กาญจนวิเศษ นักธุรกิจหลายอุตสาหกรรมที่ผู้เข้ามาดูแลเรื่องการขายและการตลาด และ คุณวรวีร์ เชาวน์พิชญ์ชยา ผู้มีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมอาหารที่หลากหลาย มาช่วยกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันส่งออกไปในหลายประเทศ ทำให้ทั้งผู้ป่วย ครอบครัวผู้ป่วย และคนรักสุขภาพ มีความสุขกับการกินอาหารมากขึ้น

“เราตั้งใจทำให้ผู้ป่วยได้รับประทานของที่มีประโยชน์ แต่ต้องอร่อยด้วย เพราะถ้าไม่อร่อย เขาจะลองครั้งเดียวแล้วเลิกรับประทานไปเลย”

คิดค้นนวัตกรรม ที่ทำให้คนป่วยรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข

คุณอุมาพร กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น เส้นไข่ขาว เส้นหมี่ไข่ขาว สปาเกตตีไร้แป้ง ข้าวไข่ขาว และไข่มุกไข่ขาว ช่วยให้ทุกคนรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข ได้เนื้อสัมผัสที่ดี ไม่มีกลิ่นคาว แก้ปัญหาในกรณีที่ผู้ป่วยบางคนที่รู้สึกคลื่นไส้แค่ได้กลิ่นไข่ขาวนิดเดียว ด้วยเทคโนโลยีของเรา คือ Encapsulation เป็นหลักการเดียวกันกับที่เขาเอาไปทำยา คือ เมื่อตัวยาโดนห่อหุ้มไว้ จะสามารถรักษาตัวยาให้ผ่านกระเพาะไปถึงลำไส้ได้ เราไม่ได้ทำเป็นยาแบบนั้น แต่ทำเป็นเส้น ที่ช่วยกักเก็บกลิ่นของไข่ขาวเอาไว้

เทคโนโลยีนี้ จะช่วยเปลี่ยนไข่ขาวให้เป็นเส้นได้ เช่น ไข่มุกไข่ขาว เราตั้งใจทำเพื่อคนชอบของหวาน ใส่ในขนม ไอศกรีม หรือชานมแทนไข่มุก หรือเส้นไข่ขาวเอาไปรับประทานกับส้มตำ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก จนร้านค้า และห้างสรรพสินค้า อยากได้ไปขาย ทำให้รู้ว่า ยังมีลูกค้าจำนวนมากต้องการอาหารที่ทดแทนข้าวได้ ซึ่งปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ คือ ‘ข้าวไข่ขาวไร้แป้ง’ ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม ละมุนเหมือนข้าวจริง หลังจากเปิดตัว ได้รับความสนใจอย่างมาก

"สินค้าเรา ไม่ได้ทำมาแค่ทดแทนไข่ แต่ต้องการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารจากไข่ได้มากขึ้นอย่างมีความสุข"

สนใจอ่านบทสัมภาษณ์ บริษัท แข็งแรงทุกวัน จำกัด เพิ่มเติมได้ที่

https://www.bangkokbanksme.com/en/25704

อีกหนึ่งนวัตกรรมด้านอาหารสำหรับเด็กเพื่อลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ คุณแม่มือใหม่หลายคนคงเคยประสบปัญหา ที่บางครั้งต้องซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ขายในท้องตลาด หรือปรุงขึ้นเองเป็นอาหารเสริมให้ลูกรับประทาน แม้แต่อาหารบางชนิดที่รับประทานเข้าไปช่วงให้นม โดยไม่รู้ว่าอาหารบางประเภท เป็นสาเหตุให้ลูกเกิดอาการภูมิแพ้ มีผื่นขึ้น จนต้องไปหาหมอ

จากปัญหาดังกล่าว นำไปสู่แนวคิดธุรกิจ โดยผู้บริหารหญิงแห่ง บริษัท อาหารสุขภาพดี จำกัด ที่ผันตัวเองจากสาวออฟฟิศ มาทำหน้าที่คุณแม่อย่างเต็มตัว ทำเอาคุณแม่มือใหม่อย่าง คุณอัญชลี เทวอักษร ต้องทุ่มเทเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เพราะลูกมีอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรง นำไปสู่การคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเด็กเล็กจากพืชออร์แกนิก “เบบี้ เนอเชอร่า” ไม่มีส่วนผสมของนม และน้ำตาลกูลเต็น อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ เพื่อช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคภูมิแพ้ และยังช่วยเหลือชาวนาชุมชนเกษตรอินทรีย์อีกด้วย งานนี้ผู้บริหารหญิงคนเก่ง จึงนำประสบการณ์การเลี้ยงลูก และวิธีรักษาโรคภูมิแพ้ในเด็กที่สรรหาวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบของอาหารเสริมสำหรับเด็กที่เป็นอินทรีย์ (Organic) นำมาพัฒนา ภายใต้ แบรนด์ แอปเปิ้ลมังกี้ (Apple Monkey) เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมสำหรับทารก และเด็กเล็ก “เบบี้ เนเชอร่า” ที่ผลิตจากธรรมชาติพืชออร์แกนิก 100% เจ้าแรกของประเทศไทย

คุณอัญชลี เทวอักษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาหารสุขภาพดี จำกัด สะท้องภาพว่า หากย้อนไปช่วงเริ่มธุรกิจเมื่อปี 2551 หรือราว 17 ปีที่แล้ว ความรู้เรื่องอาหารปลอดภัย หรืออาหารออร์แกนิก ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับเมืองไทย ซึ่งตอนนั้นเราต้องหาแหล่งปลูกข้าวแบบออร์แกนิกตามแปลงปลูกต่าง ๆ ในประเทศ ไปพูดคุยกับชาวนา รวมถึงรับซื้อผลผลิตจากชาวนาโดยตรง เพื่อนำไปให้โรงงานผลิตเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็ก ต่อมาพัฒนาเป็นอาหารตามช่วงวัย และขนมเด็กที่ดีต่อสุขภาพ

‘Apple Monkey’ อาหารเสริมสำหรับเด็กเล็กกลุ่มภูมิแพ้อาหาร

นวัตกรรมระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็กเล็กกลุ่มภูมิแพ้อาหาร เป็นการพัฒนาสูตรอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสำหรับเด็กเล็ก และปราศจากวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อาหารด้วยการใช้ข้าวกล้องอินทรีย์เป็นส่วนประกอบหลัก หลังจากนั้น นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดกึ่งเหลวด้วยกระบวนการทำให้สุกบางส่วน และทำแห้งด้วยแหล่งความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรดตลอดจนนำไปพัฒนาเป็นอาหารเสริมชนิดกึ่งแข็งสำหรับเด็กวัย 8 เดือนขึ้นไปด้วยเทคโนโลยีนึ่งด้วยไอน้ำ และบ่มพักเพื่อทำให้ส่วนของคาร์โบไฮเดรตในสูตรอาหารจัดเรียงโมเลกุลใหม่

เรียนรู้ นวัตกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อต่อยอดธุรกิจ

คุณอัญชลี เรียนรู้หลักสูตรเกี่ยวกับผู้ประกอบการแปรรูปสินค้าเกษตรด้วยตนเอง เพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาธุรกิจ โดยมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย อาทิ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาสินค้าเกษตรแปรรูป การป้องกันด้านปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจทำให้สินค้าเสื่อมคุณภาพก่อนกำหนดโดยใช้นวัตกรรมในการผลิต

รวมถึงมีที่ปรึกษาเป็นนักวิชาการ และขอทุนทำวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้า เนื่องจากธุรกิจมีเป้าหมายจะเจาะตลาดต่างประเทศด้วย โดยปัจจัยสำคัญคือสินค้าอาหารแปรรูป จะต้องมีอายุการเก็บรักษา (shelf life) มากกว่า 1 ปี

จึงเป็นการทำงานที่ยากมากในช่วงแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ Positioning สินค้าอาหารเด็กที่เป็นออร์แกนิกจะต้องผ่านมาตรฐานสินค้าตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศด้วย

ดังนั้น การนำนวัตกรรมอาหาร มาสร้างความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำแบบใคร สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ เป็นแนวคิดสร้างแบรนด์ โดยนำไอเดียจากการเก็บเกี่ยวข้อมูลสินค้าเด็กจากทั่วโลกมาเปรียบเทียบ จากจุดเริ่มแค่คุณแม่คนหนึ่ง ที่ต้องการคิดค้นเมนูอาหารที่ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับลูกเท่านั้น แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ผู้บริหารหญิงเก่งคนนี้สามารถต่อยอดเป็นสินค้าอาหารเสริมสำหรับเด็ก พัฒนาเป็นแบรนด์ Apple-Monkey วางจำหน่ายทั้งในประเทศ และชั้นวางในร้านค้าปลีกต่างประเทศ

สนใจอ่านบทสัมภาษณ์ บริษัท อาหารสุขภาพดี จำกัด เพิ่มเติมได้ที่

https://www.bangkokbanksme.com/en/apple-monkey-health

นอกจากอาหารที่แก้เรื่องภูมิแพ้แล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในการดูแลสุขภาพ คือการรับประทานผัก ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่หลายคน รวมถึงเด็ก อาจไม่ชอบรับประทาน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น ไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวของผัก ผักบางชนิดมีรสขมรับประทานยาก เป็นต้น

ประกอบกับธุรกิจครอบครัวของสามีดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับภาคการเกษตรอยู่แล้ว สิ่งที่มองเห็น และเป็นปัญหามาตลอด คือ การที่พืชไร่ล้นตลาด ทั้งที่ยังมีคุณภาพที่ดี จึงเกิดไอเดียว่า หากสามารถยืดอายุของพืช ผักให้เก็บไว้ได้นาน แต่ยังคงคุณค่าสารอาหารสำคัญในพืช-ผักเหล่านั้นได้มากถึง 80-90% รวมถึงกากใยอาหารไม่ได้ถูกทำลายไป น่าจะสร้างเป็นธุรกิจได้

จาก Pain Point ดังกล่าว คุณวิริยา พรทวีวัฒน์ ผู้บริหารหญิงแห่ง บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด จึงคิดค้นเครื่องจักรสำหรับแปรรูปด้วยตนเอง และเริ่มสร้างเครื่องจักรขึ้น โดยทีมวิศวกรคนไทยจนสำเร็จ จนได้สินค้าตัวแรกคือ ผักอัดเม็ดไบโอเวกกี้ วิตามินรวมจากผัก นวัตกรรมแรกที่ใช้ผัก 5 สี จากผักสด 12 ชนิด

คุณวิริยา ให้มุมมองว่า ตั้งแต่เริ่มธุรกิจ เรามองเทรนด์โลกในอนาคตว่า ทุกคนจะหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พืชผักผลไม้นับวันจะขาดแคลน และราคาสูงขึ้น หากนำมาแปรรูปเป็นเม็ดจะช่วยให้เข้าถึงการกินผักได้ง่าย ตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพ จึงคัดเลือกผักสด 12 ชนิดที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าให้สารอาหารครบถ้วน ได้แก่ บีตรูต ปวยเล้ง เซอเลอรี บรอกโคลี พาร์สลีย์ ฟักทองญี่ปุ่น ผักชีล้อม มะเขือเทศเชอร์รี แครอท กะหล่ำปลีแดง พริกหวาน และต้นหอมญี่ปุ่น เข้าสู่กระบวนการสกัดจนกลายเป็นผงวิตามิน ตามด้วยอัดเป็นเม็ดๆ จำนวน 5 เม็ด 5 สี ด้วยเหตุผลถ้าอัดเป็นเม็ดเดียวจะขนาดใหญ่ กินยากเกินไป ซึ่งกิน 5 เม็ดจะได้สารอาหารเทียบเท่ากินผักสดในปริมาณ 150 กรัม โดยรับซื้อตรงมาจากโครงการหลวง

ผู้บริหารหญิง สะท้อนภาพการทำธุรกิจเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ว่าพืชผักทางภาคเหนือหลายชนิดล้นตลาด ราคาตกต่ำ ในฐานะนักธุรกิจท้องถิ่นอยากเข้ามารับซื้อเพื่อพยุงราคา โดยมีวิสัยทัศน์จะนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าในรูปแบบ “เม็ด” เพื่อให้การกินผักเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนทุกเพศทุกวัย

แม้แต่คนที่ไม่ชอบกินผักเลยก็สามารถกินได้ และนอกจากโอกาสทางธุรกิจแล้ว เรายังมองว่าธุรกิจนี้มีส่วนสร้างรายได้กลับคืนสู่เกษตรกรอีกด้วย

ทั้งนี้ ‘ไบโอเวกกี้’ ใช้เวลาเกือบ 5 ปี ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรสำหรับสกัด ‘ผงวิตามิน’ จากผักสด ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ โดยหัวใจสำคัญคือการดึงน้ำออกจากผักในระบบสุญญากาศ จุดเด่นคงคุณค่าทางสารอาหารของผักสดได้ถึง 80-90% โดยปราศจากการใช้สารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผักสด 100 กิโลกรัมเมื่อนำมาสกัดแล้วจะเหลือน้ำหนักเพียง 1.5-3 กิโลกรัมเท่านั้น แล้วแต่ชนิดของผัก

ด้วยนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ ‘ไบโอเวกกี้’ สามารถคว้ารางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น ชนะเลิศธุรกิจนวัตกรรม จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสุดยอดนวัตกรรมด้านสังคม “7 Innovation Awards” จากเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นนวัตกรรมดีเด่น แต่ในการทำตลาดเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว คุณวิริยา บอกว่า ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย เพราะเป็นสินค้าใหม่ที่มีนวัตกรรมล้ำเกินกว่าที่ผู้บริโภคทั่วไปจะเข้าใจได้ จึงมักคิดว่าเป็นยารักษาโรค ทำให้ขายได้ยาก ดังนั้น การทำตลาดในช่วงแรกจึงต้องมุ่งเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพก่อน โดยขายผ่านร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ ควบคู่กับนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ ให้ลูกค้าเกิดการเรียนรู้ และบอกต่อ จากนั้นจึงเพิ่มช่องทางขายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งออกงานแสดงสินค้า ร้านขายยา โมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ

บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงจุดยืนสร้างสรรค์นวัตกรรมเช่นเดิม แต่ปรับรูปแบบให้ง่ายต่อการทำตลาดมากขึ้น มีทั้งเยลลีวิตามินซีสูงผสมผักรวม 5 ชนิด แบรนด์ ‘ไบโอเวกกี้ กัมมี่วี’ เครื่องดื่มชงสมุนไพร มีทั้งมะขามป้อม ผักเชียงดา และตรีผลา เพื่อช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในท้องถิ่น

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เพิ่มไลน์นวัตกรรมการผลิตแบบแช่เยือกแข็งด้วยระบบพิเศษ เพื่อผลิตสินค้าน้ำมะนาวคั้นสด 100% แบรนด์ ’มะนีมะนาว’ และน้ำพร้อมเนื้อแตงโม 100% แบรนด์ ‘มะนีแตงโม’ เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร จัดเลี้ยงของโรงแรม และคาเฟ่ สำหรับนำไปปรุงอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงไอศกรีม ซึ่งผลตอบรับจากลูกค้าดีมาก

คุณวิริยา สะท้อนมุมมองการทำธุรกิจว่า กระบวนการผลิตที่มีนวัตกรรม และมีงานวิจัยร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยี (NANOTEC) สวทช. ได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ทำให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือ ผู้บริโภคกล้าตัดสินใจทดลองใช้ หลังจากเกิดการรับรู้แล้ว ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและเลือกใช้สินค้าตลอดมา

คุณวิริยา กล่าวบอกถึงวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจด้วยว่า บริษัทฯ มองอนาคตที่ไกลกว่านี้ โดยจะเน้นผลิตสินค้าคู่กับความยั่งยืน ผ่านการใช้นวัตกรรมทั้งด้านการผลิตและการออกแบบแนวทางผลิตภัณฑ์ โดยใหความสำคัญใน 2 ด้าน คือ ด้านเทคโนโลยี มีการนำเข้ามาช่วยในการจัดการ เพื่อความแม่นยำในการดูแลพืช โดยใช้ระบบ Smart Farmer คำนวณเรื่องความชื้น ปริมาณน้ำฝน อากาศที่เปลี่ยนแปลงได้แบบ Real Time จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ทันเวลา

อีกหนึ่งด้านที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ด้านการผลิต ต้องพัฒนาสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตจากข้าว และนำสิ่งที่เหลือจากการผลิต by product มาวิจัยเป็นผลิตภัณฑ์ด้านเวชสำอาง ปุ๋ย และอาหารสัตว์ได้ เนื่องจากวัตถุดิบหลักเป็นพืชผลทางการเกษตร มีความผันผวนตามฤดูกาลทุกปี และในอนาคตจะมีอุปสรรคด้านการหาวัตถุดิบ เราจึงวางแผนปลูกพืชเองให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการอย่างน้อย 50% ของปริมาณทั้งหมด โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยจัดการด้าน Smart Famer เฝ้าระวังและติดตามผลได้แบบ Real Time

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะออกสินค้าใหม่ เพื่อเจาะตลาดผู้สูงอายุ และผู้กำลังเข้าสู่ผู้สูงอายุ เพื่อรองรับประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

ผู้บริหารหญิงคนเก่ง กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนานวัตกรรมอย่างยิ่ง เพราะเราเชื่อว่าจะช่วยให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน แม้เบื้องต้นจะยากต่อการสร้างแบรนด์ แต่เราเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ด้วยนวัตกรรมที่สร้างมาจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือ เมื่อประกอบกับเทรนด์รักสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สนใจอ่านบทสัมภาษณ์ บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด เพิ่มเติมได้ที่

https://www.bangkokbanksme.com/en/23-2focus-bioveggie-innovative-concept-of-vegetable-pellets

จากตัวอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ‘ผู้หญิง’ มีบทบาท ทักษะความรู้ ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำที่โดดเด่นไม่แพ้ผู้ชายเลย

Bangkok Bank SME จึงได้ถอดบทเรียนและตัวอย่างแนวคิดจากผู้บริหารหญิงเก่ง เนื่องในเดือนแห่ง ‘สตรีสากล’ ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ด้วยสินค้านวัตกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ถือเป็นโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบธุรกิจ SME เพื่อขานรับเทรนด์อาหารโลกแห่งอนาคตได้อย่างมั่นคง