ช่วงการระบาดของโควิด 19
ได้กระตุ้นให้เกิดจุดเปลี่ยนทางธุรกิจในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีการนำเทคโนโลยีมาผสานประโยชน์ทางธุรกิจในหลายด้าน
ก่อให้เกิดการเร่งเร้าการเติบโตของเทคโนโลยี
ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีทีมีการกล่าวถึงมาก นั่นคือ ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์’ (Artificial
Intelligence หรือระบบสมองจักรกลอัจฉริยะ) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความสามารถหลากหลายและถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีการคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงสังคมและเศรษฐกิจอย่างมากในโลกอนาคต ซึ่งหลายประเทศต้องการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเองเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีดังกล่าว แต่จะเป็นไปได้อย่างไรว่า AI จะสามารถคำนวณหรือประเมินได้ทุกอย่าง ทำให้ปัจจุบันก็มีการตั้งคำถามถึงความสามารถที่แท้จริงของ AI ซึ่งอาจเป็นแค่เทคโนโลยีเลียนแบบสมองมนุษย์ ซึ่งหากไม่มีการป้อนข้อมูลหรือมีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ก็อาจจะเป็นอะไรที่มากเกินความสามารถของ AI ก็เป็นได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รวมทั้งข้อกังวลสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่ไม่อาจมองข้าม คือผลกระทบต่อตลาดแรงงาน
หากธุรกิจและอุตสาหกรรมมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ทำงานแทนมนุษย์มาก
ทั้งได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นในด้านการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ด้านการบริการ ผลิตภัณท์ต่างๆ
ทั้งเพื่อการอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยี AI ในเชิงธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร
เทคโนโลยีคลาวด์ และแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับการตลาดต่างๆ
ซึ่งประโยชน์ของ AI นั้นเห็นได้เด่นชัดยิ่งขึ้น ภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19
เนื่องจากผู้บริโภคต่างหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ประกอบกับใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เพื่อความบันเทิง เช่นดูหนังและฟังเพลงเป็นต้น
และจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคในภาคพื้นเอเชียยอมรับและใช้งานเทคโนโลยี AI อย่างแพร่หลาย พร้อมทั้งตระหนักถึงประโยชน์ของ AI ที่มีต่อการดำเนินชีวิต
AI อาจไม่สามารถคาดการณ์ได้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม
ภาคธุรกิจจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบของโควิด 19 ต่อเทคโนโลยี AI และระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (machine
learning) นั้นเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่
โดยทำการหารูปแบบจากข้อมูล (pattern recognition) เพื่อนำมาคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แต่จะเห็นได้ว่าไม่มีบุคคลหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ใดที่สามารถคาดการณ์ถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19 และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากโควิด 19 ได้
เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ระบบ AI จึงไม่มีข้อมูลในอดีตที่จะนำมาศึกษา
ด้วยเหตุนี้ ระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาส่วนใหญ่นั้นมีการป้อนข้อมูลอย่าง real-time
รวมทั้งมีความยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในระดับที่ปกติ
แต่ในกรณีที่ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในระดับที่สูงมาก
เช่นในกรณีของโควิด 19 ระบบจะไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ ดังนั้นธุรกิจต่างต้องมีการปรับเปลี่ยนโมเดลการทำงานของ
AI เพื่อให้รองรับสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
รวมถึงปรับโมเดลให้สามารถรับกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดต่อไปในยุค New Normal ได้
ซึ่งถ้าทำได้ก็จะสามารถทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและสร้างความยั่งยืนได้
AI แค่ทำให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น
จากข้อมูล Google Hong Kong และเคพีเอ็มจี ในงานวิจัยเรื่อง Smarter
Digital City – AI for Everyone ซึ่งมีการกล่าวถึงมาตรวัดความพร้อมด้านการใช้
AI (AI Readiness Index) ซึ่งผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า 65% เชื่อว่า AI จะช่วยพัฒนาสังคมโดยรวมได้ ในขณะที่ 63% กล่าวถึงเหตุผลในการใช้ AI ว่าเกิดจากความสะดวกสบายและความสะดวกในการใช้งาน
โดย 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามดังกล่าวใช้เทคโนโลยี AI ในการแปลภาษา
และ 79% ใช้ในการเดินทาง ซึ่งเป็นสองกรณีที่ผู้ใช้งาน AI
มากที่สุด สำหรับภาคธุรกิจแล้ว 78% เชื่อว่า AI
สามารถทำประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้ โดยเฉพาะในเชิงของการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกันนั้นงานวิจัย Pulse survey of C-Levels ซึ่งวิจัยผู้บริหารในประเทศไทย
พบว่าธุรกิจ 67%
ได้มีการเร่งลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างเปิดรับการใช้และเล็งเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีดิจิทัล
ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยี AI เริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะระบบ
Chatbot และ Robot Process Automation (RPA) ที่เป็นระบบงานที่องค์กรต่างๆ ในไทยนิยมนำมาใช้ ประกอบกับวิกฤตโควิด 19
ที่ทำให้ข้อจำกัดในการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงล็อกดาวน์การใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ
รวมทั้งมีการคาดว่า AI อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจสามารถกลับมาฟื้นตัว
กระนั้นอย่างที่ระบุไว้ในตอนต้น AI อาจเป็นความชาญฉลาดด้านเทคโนโลยี
แต่ยังไม่ถึงขั้นฉลาดเฉลียวมากเกินไปกว่าสมองของมนุษย์
ดังนั้นอาจจะยังไม่สามารถประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้
ดังนั้นการใช้งานจึงต้องมีความยืดหยุ่นมากพอ และอาจจะนำประโยชน์เด็ดนี้ไปปรับใช้ 'ให้ AI ทำงานของ AI และมนุษย์ก็ทำงานของมนุษย์' จะได้ไม่ล้ำเส้นกัน
แหล่งอ้างอิง : เคพีเอ็มจี ประเทศไทย