ธุรกิจสุขภาพกับการมาของโรคโควิดตั้งแต่ปลายปี
2563 ต่อเนื่องจนปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกเท่านั้น
ยังทำให้ผู้คนต้องกลับมาตระหนักใส่ใจต่อระบบสาธารณสุขมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจสุขภาพ
แพทย์ พยาบาล และนักวิจัย ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทำให้โอกาสสร้างธุรกิจดูแลด้านสุขภาพ
หรือ Health
Tech กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากจะเกิดประโยชน์กับตัวเองในแง่การทำธุรกิจสุขภาพแล้ว
ยังจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ
ทุกวันนี้ระบบสาธารณสุขก้าวหน้าล้ำสมัยเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ประกอบกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น 5G, IoT (Internet of things) รวมถึงแพลตฟอร์มการทำงานการเรียนออนไลน์ แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน (Telemedicine) ฯลฯ อีกมากมายที่จะเข้ามาช่วยสร้างธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ (Health Tech) ได้ทันที ทำให้ Startup ด้าน Health Tech ซึ่งกลายเป็นกลุ่มธุรกิจสุขภาพmujน่าสนใจและมาแรงในขณะนี้ แบ่งออกเป็น 5 หมวดใหญ่ ประกอบด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1.
การวิจัยและการพัฒนายาและวัคซีน
เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น Virtual Patient (
คนไข้สมมติ) เป็นการจำลองคนไข้ในคอมพิวเตอร์ หรือ 'in silo medicine' การจำลองอวัยวะ ซึ่งจะสามารถเร่งระยะเวลาในการวิจัยยาและวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น
ทำให้นักวิจัยสามารถทดสอบประสิทธิภาพของยาและวัคซีนใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที
นอกจากเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการทดลองยาหรือวัคซีนได้สำเร็จรวดเร็วแล้ว ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยลดจำนวนการใช้ยาของมนุษย์ได้จริงอีกด้วย
เทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานวิจัย
และทำให้งานวิจัยนั้นประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาที่สั้นลง
เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้น
2.
การดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค
เมื่อพูดถึง Wellness
และ Healthcare ในสมัยนี้จะไม่ใช่การรักษาโรคหรือผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว
แต่จะปรับมาส่งเสริมการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น
ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ นั้นจะสามารถเข้ามาช่วยเสริมสร้างส่วนบุคลของการดูแลสุขภาพในด้านนี้ได้
เช่น smart watch หรือนาฬิกาอัจฉริยะ ที่สามารถติดตามการออกกำลังกาย
ระดับการเต้นของหัวใจต่างๆ
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้แพทย์ หรือ AI วิเคราะห์และแนะนำปริมาณการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนที่สวมใส่นาฬิกาอัจฉริยะ
3.
การคัดกรองและการวินิจฉัย
การนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อวงการแพทย์นั้น
ทำให้คนสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากยิ่งขึ้น โดยโลกของ healthcare
ในศตวรรษที่ 21 นี้ เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยทำให้เกิด at-home
diagnosis หรือการวินิจฉัยได้เองจากที่บ้าน ยกตัวอย่าง
เมื่อคุณอยู่บ้านแล้วหกล้ม เกิดบาดแผล ก็สามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและใช้ image-scanning
ส่งไปให้แพทย์ดูคุณก็จะได้รับคำวินิจฉัยเบื้องต้น
และหลักการปฐมพยาบาลที่ควรปฏิบัติทันที ช่วยร่นระยะเวลาในการรักษาได้อย่างมาก
4. การเงินและการดำเนินงาน
เทรนด์เทคโนโลยีของ
e-prescription
ก็กำลังมาแรงเลยทีเดียวสำหรับการบริหารจัดการโรงพยาบาล
ซึ่งช่วยลดความแออัดในการรอคิวจ่ายยา ทุกวันนี้หากท่านไปโรงพยาบาลอาจต้องเสียเวลานั่งรอนาน
แต่สตาร์ทอัพเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายยา ตัวอย่างสตาร์ทอัพในไทยที่ได้เริ่มทำ
e-prescription แล้ว
5. การรักษา
การรักษานั้นจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อ
Eelectronic
Medical Records สามารถแชร์ผ่านระบบ Data base ข้ามโรงพยาบาลได้ ยกตัวอย่าง
เมื่อคนไข้ไปเที่ยวแล้วเกิดอาการป่วยต้องรีบรักษาด่วน โรงพยาบาลที่จังหวัดนั้นๆ
ก็ไม่จำเป็นต้องซักถามประวัติการรักษา การแพ้ยา เพิ่มเติมให้เสียเวลา
แพทย์จึงสามารถรักษาคนไข้ได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้เทคโนโลยียังช่วยให้ Telemedicine
หรือการแพทย์ทางไกล สามารถเป็นไปได้ โดยแพทย์สามารถพูดคุยหรือแม้กระทั่งผ่าตัดคนไข้ได้จากระยะไกลโดยการควบคุมหุ่นยนต์
ซึ่งการมี Telemedicine เข้ามานี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการรักษา
ประหยัดเวลาการเดินทางและค่าใช้จ่ายของคนไข้
อย่างไรก็ตาม Health
Tech ธุรกิจสุขภาพ ดูแลสุขภาพ ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ใหม่ในประเทศไทย
การแชร์ข้อมูลคนไข้ข้ามโรงพยาบาลด้วย data base เดียวกัน
ยังไม่มีมาตรการและกฎหมายที่ชัดเจนในทางปฏิบัติ ทำให้เทคโนโลยียังต่ำอยู่
แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ คาดการณ์ว่าจะเกิดความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนกันมากขึ้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรักษาชีวิตผู้คนได้มากยิ่งขึ้น
เป็นที่แน่นอนว่าโลกของเราได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปแล้ว
เทรนด์การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่มาแรงสำหรับคนในยุคนี้ ยิ่งหลังพ้นโควิดจะเห็นภาพคนเข้าฟิตเนสกันมากขึ้น
รับประทานอาหารสุขภาพ ใช้อุปกรณ์ Wearable เพื่อการออกกำลังกาย
รวมทั้งอุปกรณ์ IOT อื่นๆ เพื่อการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองหากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์
ไปหาโรงพยาบาลก็สามารถใช้เป็นหลักฐานให้แพทย์วินิจฉัยได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลานานเหมือนแต่ก่อน