การบริโภคแมลงเป็นอาหารมีคำศัพท์เฉพาะในทางวิชาการเรียกว่า
“Entomophagy” ซึ่งมีการประมาณว่า ปัจจุบันมีประชากรเกือบ 2
พันล้านคนทั่วโลกเคยหรือนิยมบริโภคแมลงเป็นอาหาร ซึ่งนับเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยที่ผ่านมาวงการอุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีการนำแมลงไปเป็นส่วนประกอบในอาหารสัตว์หลากหลายชนิด
ซึ่งแมลงมีข้อดีหลายอย่างในฐานะแหล่งโปรตีนและไขมัน สามารถทดแทนถั่วเหลืองและปลาป่นในอาหารสัตว์
ที่ปัจจุบันมองว่ามีกระบวนการผลิตเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ
ตัวอย่างเช่น
การปลูกถั่วเหลืองมักปลูกในพื้นที่ป่าฝนที่ต้องปรับหน้าดินก่อน
หรือการทำประมงที่มากเกินพอดี ส่งผลให้การเกิดและการเติบโตของสัตว์น้ำไม่สามารถทดแทนปริมาณสัตว์น้ำที่ตายโดยธรรมชาติและที่ถูกจับได้จากการทำประมง
เป็นต้น
แมลงยังเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและกินวัตถุดิบเหลือทิ้งได้
แถมการเพาะแมลงไม่ได้กินพื้นที่เพาะเลี้ยงมากนัก ทำให้หลายๆ ธุรกิจมองว่าวัตถุดิบจากแมลงสามารถแข่งขันได้
เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำแถมยังช่วยโลกได้ด้วย
เหล่านี้คือการเชื่อมโยงการเลี้ยงแมลงเพื่อป้อนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ขณะที่เรื่องที่เราจะกล่าวถึงในที่นี้คือ แมลงที่เป็นอาหารของมนุษย์ และอย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น คนกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลกเคยลิ้มลองแมลง มาดูกันก่อนว่าในแต่ละภูมิภาคเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เทรนด์การบริโภคแมลงของคนทั่วโลก
แม้เราจะบอกว่าคนกว่า
2 พันล้านคนเคยบริโภคแมลง แต่จะว่าบริโภคเป็นอาหารหลักเลยก็ไม่ได้
เพราะที่ผ่านมาแมลงยังไม่ถูกจัดไว้ในกลุ่มอาหาร อาทิในญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทวีปเอเชียก็มีวัฒนธรรมการนำแมลงมาปรุงเป็นอาหารแต่ยังไม่ใช่อาหารหลักที่คนส่วนใหญ่บริโภค
หรือแม้แต่ประเทศไทยก็ยังมีการบริโภคแมลงตามความนิยมแต่ละภูมิภาคและความชื่นชอบส่วนบุคคล
ทั้งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอาหารหลักที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันเป็นเมื่ออาหารปกติ
ขณะที่ในอเมริกา
ลาตินอเมริกา ยุโรป และสแกนดิเนเวีย แม้จะมีวัฒนธรรมในการบริโภคแมลงบางประเภท
แต่โดยภาพรวมแล้วแมลงถูกจัดให้เป็นอาหารแนว ‘เปิบพิสดาร’ เสียมากกว่าการเป็นเมนูขึ้นโต๊ะอาหาร แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับในแอฟริกาที่มีประชากรแมลงเป็นจำนวนมากหลากหลายชนิดและสายพันธุ์
จากรายงานโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture
Organization of the United Nation หรือ FAO) ระบุว่ามีแมลงที่เหมาะนำมาเป็นอาหารเพื่อการบริโภคของมนุษย์จำนวนมากกว่า
1,900 สายพันธ์ทั่วโลก ซึ่งเกือบ 500 สายพันธุ์เป็นแมลงที่มีการบริโภคเป็นอาหารในหลายประเทศอยู่แล้ว
เช่น ตั๊กแตน มด ผึ้ง หนอน ผีเสื้อ และจิ้งหรีด แถมประเทศในแอฟริกายังนิยมรับประทานแมลงเป็นปกติวิสัยอีกด้วย
ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า
การรับประทานแมลงเป็นอาหารเป็นที่นิยมในประเทศ เช่น ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ เม็กซิโก
อิรัก คูเวต ซีเรีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กัมพูชา ลาว เวียดนาม รวมถึงไทยด้วย
ขณะที่ประเทศอื่นๆ นอกจากนี้โดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป
กล่าวว่ายังอยู่ในช่วงการปรับทัศนคติในการบริโภคแมลง
เน้นการประชาสัมพันธ์ถึงคุณค่าทางโภชนาการ กระบวนการผลิตที่สะอาด
ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์อาหารที่โลกตะวันตกมองว่า ‘ยั่งยืน’ กว่าการทำปศุสัตว์
หรือเกษตรกรรมแบบเดิมๆ ที่สิ้นเปลืองทรัพยากร และเริ่มมีการจำหน่ายหรือนำแมลงมาใช้เพื่อการบริโภคในร้านอาหารในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
อาทิ เบลเยียม เยอรมนี เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และในสหราชอาณาจักร
ขณะเดียวกัน
ประเทศอิตาลี ยังคงเป็นผู้บริโภคที่ลังเลการในบริโภคแมลงมากที่สุดในยุโรป
จากวัฒนธรรมด้านอาหารที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก รวมไปถึงความคิดเห็นต่อแมลงในเชิงลบที่ถูกนำมาพูดถึง
เกี่ยวกับโรค การติดเชื้อ สิ่งสกปรก และสภาพสุขอนามัยที่ไม่ดี
แมลง
‘อาหารใหม่’ ของยุโรป
ภายหลังจากที่
EU Novel food Regulation 2015/2283 ได้เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่
1 มกราคม พ.ศ. 2561 หรือ EU
Novel food Regulation 2015/2283 จะมีผลบังคับใช้บังคับ
ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์แมลงสามารถวางจำ หน่ายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใหม่ทั่วยุโรปได้
โดยมีสำนักงานความปลอดภัยอาหารยุโรป European Food Safety Authority (EFSA)
จะเป็นหน่วยงานรับหน้าที่ รับผิดชอบในการอนุมัติและการประเมินผลความปลอดภัยอาหารใหม่จากการบริโภคอาหารชนิดใหม่นี้
โดยอาหารใหม่ (Novel Foods) หมายถึง อาหารหรือส่วนประกอบของอาหาร
ที่ไม่มีประวัติการบริโภคภายในสหภาพยุโรปก่อนวันที่ 15 พฤษภาคม
พ.ศ 2540 โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
ได้แก่
1. อาหารที่สกัดหรือพัฒนาด้วยนวัตกรรมใหม่ (New Substance)
2. อาหารที่ผลิตจากแหล่งโภชนาการใหม่ (New Source)
3. อาหารที่ผลิตจากกรรมวิธีรูปแบบใหม่ (New Technique)
4. อาหารพื้นบ้านที่มีการบริโภคนอกสหภาพยุโรป (Traditional Food in
3rd Countries) มาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ปี
โดยที่
EU Novel food Regulation 2015/2283 ได้ปรับลดขั้นตอนของกระบวนการขออนุญาต
โดยรวมศูนย์การพิจารณาคำร้องขึ้นทะเบียนอาหารใหม่เป็นของสหภาพยุโรปทั้งหมด
รวมทั้งจำกัดระยะเวลาการพิจารณาในแต่ละขั้นตอนที่กระชับมากขึ้น
โดยใช้เวลาการขึ้นทะเบียนประมาณ 18 เดือนสำหรับอาหารใหม่ทั่วไป
และประมาณ 5-11 เดือนสำหรับอาหารพื้นบ้าน
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกฎระเบียบเดิมที่ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 3.8 ปีในการขึ้นทะเบียนอาหารใหม่ทุกประเภท ถือว่าเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม
ผู้ประกอบการที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์อาหารใหม่มาวางจำหน่ายในสหภาพยุโรป
จะต้องขึ้นทะเบียนบัญชีรายชื่ออาหารใหม่กับคณะกรรมธิการยุโรป หรือ EC ก่อน โดยต้องเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ให้ครบตาม Commission
Recommendation 97/618/EC ซึ่งได้แก่
1. ชื่อ และที่อยู่ของผู้สมัคร
2. ชื่อ
และคำอธิบายของผลิตภัณฑ์อาหารใหม่
3. คำอธิบายวิธีการผลิต
4. ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใหม่
5. หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์อาหารใหม่
ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
6. คำแนะนำสำหรับการบริโภคผลิตภัณฑ์และติดฉลากผลิตภัณฑ์เฉพาะให้ชัดเจน
ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด
นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 คณะกรรมาธิการยุโรปได้อนุญาตให้มีการใช้แมลงในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
โดยแป้งโมเลกุลและโภชนาการสร้างขึ้นจากแป้งแมลง เป็นแหล่งโปรตีนที่มีความคล้ายคลึงกับปลาป่น
ซึ่งอาจช่วยลดการจับปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้
อย่างไรก็ตามเทรนด์การบริโภคแมลง ซึ่งนอกจากรสนิยมดั้งเดิมตามความชอบส่วนบุคคลในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ที่มองว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง แม้จากสถิติในประชากร 10
คนอาจจะยอมบริโภคแมลงที่มองว่าเป็นอาหารที่มีความยั่งยืนต่อโลกเพียง 1 คนก็ตาม
แต่เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการแปรรูปอาหารมีการพัฒนาไปอย่างมาก
ทำให้ ‘รูปลักษณ์’
อันไม่ชวนรับประทานของแมลงถูกเปลี่ยนไปเป็น ‘โปรตีนแบบผง’ ซึ่งให้โปรตีนสูงและใช้เป็นส่วนผสมของอาหารในหลายประเภท เช่น ขนมปัง เส้นพาสต้า
ขนมขบเคี้ยว อาหารทดแทนระหว่างมื้อสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนักหรือนักกีฬา
แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนโปรตีนยังถือได้ว่ายังเป็นโปรตีนจากเนื้อปลาเป็นโปรตีนที่ราคาต่ำที่สุด
ทั้งคงจะยากที่จะแข่งขันกับราคาโปรตีนจากถั่วเหลืองซึ่งยังครองตลาดใหญ่ในยุโรป
สำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนแต่ไม่ต้องการบริโภคโปรตีนที่มาจากสัตว์ แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่ายังคงเป็นกลุ่มผู้บริโภคคนละกลุ่มกัน
การเลี้ยงแมลงในประเทศไทยและโอกาสตลาด
สำหรับประเทศไทย
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคแมลงมาอย่างยาวนาน มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศร้อนชื้น
เหมาะสำหรับเป็นแหล่งการเพาะเลี้ยงแมลง เป็นอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกไปในตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีแมลงที่สามารถรับประทานได้กว่า
300 สายพันธุ์ ถึงกระนั้นในปัจจุบันก็มีการเพาะเลี้ยงแมลงในเชิงพาณิชย์ ทั้งส่วนที่ใช้เป็นอาหารสัตว์และเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อาทิ จิ้งหรีด หนอนนก ซึ่งเป็นกลุ่มที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว
และมีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงแมลงในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากนัก
มีฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมการผลิตในระดับสากลจำนวนไม่มาก นอกจากนี้กำลังการผลิตสินค้าแมลงส่วนมากใช้สนับสนุนการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
การผลิตเพื่อส่งออกมีค่อนข้างจำกัด อีกทั้งการส่งออกสินค้าอาหารจากแมลงไทยส่วนมาก ยังเป็นการส่งออกในลักษณะของวัตถุดิบการผลิต
(Raw Materials)
มากกว่าการทำตลาด ด้วยแบรนด์สินค้าไทย
ด้วยเหตุนี้หากผู้ประกอบการไทยต้องการทำให้ผลิตภัณฑ์จากแมลงได้รับความนิยม
และสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดมากขึ้น อาจต้องการการพัฒนาแบรนด์ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับเทรนด์ด้านสุขภาพ
ซึ่งในตลาดสหรัฐฯ และยุโรปให้ความสำคัญ และนอกจากเหตุผลเรื่องความยั่งยืนด้านอาหาร
ปัจจัยด้านสุขภาพก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภค ‘เปิดใจ’ ยอมบริโภคโปรตีนจากแมลงแม้จะยังไม่คุ้นชินก็ตาม
ขณะเดียวกันอีกประเด็นที่น่าสนใจ คือไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการผลิตอาหารสัตว์
โดยเฉพาะอาหารสุนัข ปัจจุบันมีการนำโปรตีนจากแมลงมาทดแทนปลาป่นซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
ด้วยเหตุนี้อาจไม่จำเป็นต้องมองที่มิติแมลงกินได้เพียงอย่างเดียว
แต่หากมองในมิติด้านปศุสัตว์ การเพาะเลี้ยง ‘แมลง’
เชิงพาณิชย์ก็ยังมีตลาดที่เปิดกว้างรออยู่อีกมาก
ทั้งในปัจจุบันฟาร์มแมลงส่วนใหญ่ยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
และยังไม่ได้มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มผลิตภาพมากนัก
ดังนั้นหากหากผู้ประกอบการสนใจตลาดนี้อาจสามารถสร้างจุดขายในด้านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาต่อยอดสินค้า
และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกด้วย
สุดท้ายคนยุโรป อเมริกา
และซีกโลกตะวันตก อาจมองว่าแมลงคือความยั่งยืน คืออาหารที่กินเพื่อเหตุผลบางประการ
แต่สำหรับประเทศไทยต้องมองแมลงอีกแบบ คือต้องมองให้เป็นโอกาส
แหล่งอ้างอิง :
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ เมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา
รายงานสถานการณ์/โอกาสในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
ข้อมูลสินค้าแมลง อาหารใหม่ ทางเลือกในเยอรมนี
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครซิดนีย์ , สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ,สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครโอซากา
สำนักข่าวบีบีซี https://www.bbc.com/