เปิดแผน ‘Phuket Sandbox’ เที่ยวไทยไม่กักตัว เริ่ม 1 ก.ค.นี้
เป็นไปได้ว่าเรายังคงต้องอยู่กับโควิด
19 ไปอีกสักระยะ แม้จะเริ่มแจกจ่ายและฉีดวัคซีนในหลายประเทศทั่วโลก
แต่จากปัจจัยการผลิตวัคซีนให้เพียงพอ การกลายพันธุ์ของไวรัส
สิทธิการเข้าถึงวัคซีนของประเทศยากจน และประเทศกำลังพัฒนา
หรือแม้แต่สถานการณ์ระบาดในบางประเทศที่ยังมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ยิ่งทำให้ทิศทางการท่องเที่ยวปี 2564 นี้ดูจะไม่สดใสนัก
ปี 2563
นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกเหลือยู่จำนวน 381 ล้านคน ลดลงกว่า 1 พันล้านคน
หรือคิดเป็นร้อยละ 87 ฉุดรายได้จากท่องเที่ยวทั่วโลกลดลง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือว่าสูงมาก
ขณะที่ประเทศไทยก่อนที่ยังไม่เจอโรคโควิดมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าประเทศในปี 2562
จำนวนเกือบ 40 ล้านคน ขณะที่ปี 2563 ที่ผ่านมาเหลือเพียง 6.7 ล้านคน
หรือติดลบร้อยละ 83
และนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดระลองใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงมีนาคม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยหดตัวถึง 99.70 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา นับเป็นช่วงแย่ๆ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังไม่สามารถตื่นจากฝันร้ายนี้ได้เสียที
ประเด็นนี้ ทางรายการ Bnomics- bangkok bank Economic วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ สามารถติดตามได้ผ่านทางช่อง Bnomics ใน Youtube ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งมาให้ข้อมูลด้านการรับมือของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ และมาตรการในการส่งเสริมให้ท่องเที่ยวไทยกลับมาเดินหน้าต่อได้อีกครั้งภายใต้ Phuket Sandbox เปิดการท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส แต่ก็ไม่ง่ายที่จะผลักดันให้มาตรการนี้สำเร็จลุล่วงได้
ยอมรับว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเผชิญกับวิกฤติสาหัสสากรรจ์
ไม่ได้กระทบเฉพาะไทยแค่ประเทศเดียวยังลุกลามไปทั่วโลก หากแยกเป็นรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา ลดลงประมาณ 68% ยุโรป 70% แอฟริกา 74% ตะวันออกกลาง 75% ส่วนเอเชียและแปซิฟิกลดลงถึง
84%
อัตราการลดลงเช่นนี้ใกล้เคียงกับประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นมหาอำนาจการท่องเที่ยวของโลก รายได้หลักมาจากท่องเที่ยว ดังนั้นเมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ท่องเที่ยวโลกสะเทือนถึงท่องเที่ยวไทย
หากย้อนมองก่อนเกิดโรคโควิด คุณฐาปนีย์
บอกว่า ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยในปี 2562 รายได้จากท่องเที่ยวผลักดันให้จีดีพีเติบโต 20% หรือสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่า 3 ล้านล้านบาท โดยมีรายได้จากตลาดต่างประเทศมากกว่า
2 ล้านล้านบาท อีกกว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นตลาดภายในประเทศ
แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิดในช่วงปลายปี 2563 มีรายได้แค่ 2 เดือนแรก คือมกราคมและกุมภาพันธ์
แค่ 0.81 ล้านล้านบาท ลดลง 2.18 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 72.79% จากปี 2562
อย่างไรก็ตามก่อนที่ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดโควิดรอบ
3 ทาง ททท.ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในปี 2564 ไปในทิศทางที่ดีขึ้น
แต่พอมาเจอวิกฤติซ้ำทำให้ต้องมีการปรับตัวเลขลง โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่
3 และที่ 4 ประมาณ 3-4 ล้านคน
แต่หากสถานการณ์ยังเลวร้ายลงอีกคงไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลก แม้ว่าไทยจะดีขึ้น
แต่ประเทศต้นทางที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยนั้นยังต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด การขับเคลื่อนกระตุ้นท่องเที่ยวก็คงยากลำบากมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังหวาดวิตกโรคโควิดกลับมาระบาดระลอก
4 ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณมาให้เห็นแล้ว อาทิ บางประเทศฉีดวัคซีนโควิดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้วแต่ยังกลับมาระบาดซ้ำ
ทำให้ต้องประเมินสถานการณ์ในทุกเดือน
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ความหวังท่องเที่ยวไทย
การวางเป้าหมายของ ททท.ในการผลักดันให้
“ภูเก็ต” เป็นโมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ที่จะคิกออฟตั้งแต่วันที่
1 กรกฎาคม-กันยายน 2564 คุณฐาปนีย์ บอกว่า นี่คือกุญแจสำคัญในการเปิดเมืองภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยโดยไม่ต้องกักตัว
14 วัน เพียงแต่นักท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีนครบ 2 โดสก็สามารถบินตรงมาภูเก็ตเที่ยวที่ไหนก็ได้
ขณะเดียวกันชาวภูเก็ตต้องฉีดวัคซีน 2
โดสให้ครบประชากร 4.3 แสนคน เพื่อสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ให้ได้ประมาณ 70-80% ภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอันดับแรกกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
และกลุ่มไฮเอ็นด์กำลังซื้อสูงจากจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์
โดยเดือนกรกฎาคมตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตอย่างน้อย 6,000 คน ตลอด 3 เดือน ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน
แผนเปิดเมืองตาม ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์
หลังจากนำร่องเปิดเมืองภูเก็ต
แซนด์บ็อกซ์ ประสบความสำเร็จจนเป็นโมเดลแล้ว คุณฐปนีย์ บอกว่า
มีหลายเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยที่ทาง ททท.จะสานต่อ 9
แห่ง ซึ่งเงือนไขเช่นเดียวกับภูเก็ตฉีดวัคซีนครบ 2 โดสได้ประมาณ 70-80% ประกอบด้วย กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่
กรุงเทพฯ พัทยา ชะอำ หัวหิน และบุรีรีมย์ ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดเปิดเมืองในช่วงไตรมาส
4 คือเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
ส่วนจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ก็สามารถทำคู่ขนาน
9 แห่งดังกล่าวได้ หากสามารถบริการจัดการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างน้อยประมาณ
60-70% ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะรัฐบาลนำเข้าวัคซีนหลายร้อยล้านโดสในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
ทำให้มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะนำโมเดล ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ต่อยอดเปิดเมืองท่องเที่ยวเพิ่มอีกหลายจังหวัด
มาตรการสาธารณสุข เปิดท่องเที่ยวไทย
เมื่อสถานการณ์โรคโควิดคลี่คลายลงทาง ททท.ก็พร้อมที่กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ก็ต้องประเมินสถานการณ์แบบเดือนต่อเดือนก่อน การที่จะฟันธงว่าจะเปิดท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นกับสถานการณ์โควิด
และส่วนหนึ่งอยู่ที่มาตรการส่วนบุคคล ทุกคนต้องหายใจเข้าออกเป็นมาตรการสาธารณสุข
หากทุกคนช่วยกันหยุดยั้งการระบาดของโรคโควิดได้ การท่องเที่ยวก็จะได้กลับมาเปิดรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“มาตรการส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ไปไหนมาไหนต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติภายใต้กฎของกระทรวงสาธารสุขอย่างเคร่งครัด แม้กระทั่งผู้ประกอบการเองก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขตลอด
ถ้าทั้ง 2 อย่างปฏิบัติคู่ขนานกัน วัคซีนโควิดก็จะมาตามไทม์ไลน์ที่ชาวไทยจะได้รับครอบคลุมทั่วประเทศก่อนสิ้นปีนี้
เมื่อฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้วการเปิดท่องเทียวไทยสู่สายตาโลกได้อย่างแน่นอน”
การท่องเที่ยวไทย ควรปรับตัวอย่างไร?
การเปิดภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก
สิ่งที่ ททท.ต้องปรับตัวนั้นมีหลายอย่างเพื่อให้สอดคล้องการท่องเที่ยวยุควิถีแบบใหม่
หรือ New Normal แต่ทุกขั้นตอนต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันภายใต้กฎข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุข
ขณะเดียวกันต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ
ข้อบังคับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม กลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มนักลงทุน ซึ่ง ททท.จะเข้าไปแก้กฎระเบียบร่วมกับรัฐบาล
เพื่ออนุโลมให้ต่างชาติพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น
เช่นเดียวกับกลุ่มตลาดใหม่ อาทิ
กลุ่มนักลงทุนต่างๆ กลุ่มธุรกิจไมซ์ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงหรูหรา เช่น เรือยอร์ช
เรือคลุยซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ปลดล็อกคลายกฎระเบียบไปแล้วหลายอย่าง
หลังจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตกอยู่ภายใต้ความมืดมนมานาน
2 ปี จากพิษโควิดเล่นงาน เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จากการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ของคนทั่วโลกและคนไทยทั้งประเทศ
ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เมื่อไทยเปิดน่านฟ้าอย่างถาวรแล้ว จะทำให้ไทยกลับมาเป็นชาติมหาอำนาจภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกครั้ง
เพราะประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ติดตามช่องทางของ Bnomics และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://bit.ly/3cPmUpo
Twitter : https://bit.ly/3s4KIMp
Blockdit : https://bit.ly/3huPyzS
Buzzsprout: https://bit.ly/3eOgBnZ