อสังหาริมทรัพย์
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติโควิด 19 รอบ 3
ถาโถมเข้าใส่ ที่ไม่แตกต่างจากธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และหลากหลายธุรกิจ ทำให้ต้องปรับโหมดสู่ลดขนาดองค์กร
เลิกจ้างพนักงาน ลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อความอยู่รอดให้สอดรับกับเศรษฐกิจตกต่ำ กำลังซื้อหดหาย
ซึ่งวิกฤติโควิดครั้งถือว่าเป็นคลื่นลูกใหญ่สุดที่ซัดเข้าถล่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มเปา
ยิ่งกระตุ้นให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว ปรับกลยุทธ์ เพื่อให้การดำเนินการคงอยู่ต่อไปได้ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะที่กำลังเผชิญอยู่และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
ดังนั้น นาทีนี้หนทางรอดที่บรรดากูรูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หันมาประยุกต์ใช้พยุงธุรกิจฝาวิกฤติโควิดครั้งใหญ่ 4 แนวทางที่เรานำมาเสนอในที่นี้ ประกอบด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. Marketing Seeking การมองหาตลาด เจาะกลุ่มความต้องการในพื้นที่ : เนื่องจากที่อยู่อาศัยยังคงมีความต้องการอยู่
อัตราการขายอาจจะช้าแต่ยังสามารถขายสินค้าให้ดำเนินต่อไปได้ ดังนั้นเมื่อมองเห็นกลุ่มตลาดที่ดินจะเป็นตัวแปรสำคัญตามมา
ปัจจุบันการถือครองที่ดินเกินกว่า 2 ปี และยังไม่ได้พัฒนาโครงการ
จะสร้างภาระกับผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น
2. Reaching Solution การวางกลยุทธ์เพื่อให้สินค้าเข้าถึงลูกค้า :
ให้สามารถขายได้ในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ “ราคา” ถือเป็นตัวชูกลยุทธ์สำคัญ
ต้องยอมขายถูกกว่าช่วงปกติอย่างน้อย 15%–20% การใช้กลยุทธ์ของราคาสร้างความเร้าใจต่อกลุ่มผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อได้
3. Living Solution : หากสินค้าไม่ตอบโจทย์ การลดราคาไม่ใช่คำตอบเสมอไปเพื่อให้สินค้าขายดี
ด้วยเหตุนี้การบริการด้าน Service จึงเข้ามามีบทบาทที่จะทำให้การใช้ชีวิตสะดวกยิ่งขึ้น
รองรับการเปลี่ยนแปลงในแบบ Next Normal เพื่อวันข้างหน้า
4. Diversification : ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์และภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ลูกค้ายังไม่ได้หายไปไหน ตลาดยังคงมีดีมานด์
แม้ว่าวิกฤติโควิดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตกต่ำ
แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 ยังคงมีดีมานด์ความต้องการ ลูกค้ายังไม่หายไปไหน
แต่หากผู้ประกอบการพลิกแพลงวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการนำ 4 กลยุทธ์เด็ดดังกล่าวก็สามารถพยุงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปตลอดรอดฝั่งได้
เช่นกรณี บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
จำกัด (มหาชน) นับเป็นอีกหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่สามารถดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงปีที่ผ่านมาท่ามกลางโควิดระบาดระลอกแรก
ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและเข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
เช่น โครงการทาวน์โฮม ราคาย่อมมีผลมากกว่าทำเล
โดยราคาที่จูงใจผู้ซื้อจะส่งผลให้ยอดขายเป็นไปได้ดี
แม้ทำเลจะไม่ได้ดีมากเท่าที่ควร ส่วนโครงการที่มีราคาแพง จับลูกค้าระดับบน
สินค้ายังคงขายได้ แต่การดูดซับอาจล่าช้าและใช้ระยะเวลานานกว่า เพราะกลุ่มนี้จะตัดสินใจก่อนควักเงินซื้อ
ขณะที่ผู้ซื้อบ้านเดี่ยว ลูกค้ากลุ่มนี้จะเน้นทำเลดีเป็นหลัก
คมนาคมสะดวก การออกแบบตอบโจทย์การเข้าอยู่อาศัย และต้องเข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต
สินค้าที่ผลิตออกมาต้องมีคุณภาพไฮเอนด์ ที่สำคัญต้องสร้างการยอมรับในตัวโปรดักส์และแบรนด์
ในด้านของคอนโดมิเนียมหรู ทำเลยังคงเป็นอันดับหนึ่ง กว่า 50%
ของการพัฒนาโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียมหรูอยู่ที่ทำเล ราคาแพงแค่ไหนก็ยังคงเป็นรองทำเล
ในส่วนฟังก์ชั่นต่างๆ และพื้นที่ส่วนกลาง Facilities ถือเป็นส่วนประกอบที่ให้ความสำคัญน้อยกว่า
ปี 2564 โอกาสทองคนอยากมีบ้าน
ท่ามกลางวิกฤติโควิดกระทบหนักทุกภาคธุรกิจ
คุณปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด
(มหาชน) กลับมองว่า ปีนี้ตลาดเป็นของผู้ซื้ออย่างแท้จริงสำหรับผู้ที่มีความพร้อม ทั้งในแง่ของการลงทุนหรือซื้อไว้อยู่เอง
โดยเฉพาะในช่วงโควิดยังแพร่ระบาดยิ่งทำให้ที่พักอาศัยส่วนตัวเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญอย่างยิ่ง
ประกอบกับการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์รุนแรงเพื่อแย่งกำลังซื้อ และยังมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างกระตุ้นกำลังซื้อ
ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุมาตรการรัฐที่ช่วยลดหย่อนค่าโอนและจดจำนองทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน
3 ล้านบาท จาก 2% เหลือแค่ 0.01% ไปจนถึงสิ้นปี 2564
พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยกู้บ้านที่ถูกลง
ดังนั้นลูกค้าที่มีเงินสดอยู่ในมือแทนที่จะนำเงินฝากธนาคารเพื่อหวังกินดอกเบี้ยแต่ได้ผลตอบแทนต่ำ
การพิจารณาทำเงินดีที่สุด คือซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บไว้ก็เป็นทางเลือกที่ดียิ่งเพราะราคาไม่มีตกต่ำ
มีแต่ขยับราคาสูงขึ้น เพราะอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้าง Passive Income ในรูปแบบของค่าเช่าในระยะยาวได้
และสามารถขายทำกำไรได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจซื้อ คุณปิยะ แนะนำว่า ผู้ซื้อควรศึกษาตลาดและเลือกทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ทำเล White Ocean หรือที่มีส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่อยู่ออกจากใจเมืองไปสักนิด แต่ยังเดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วยรถไฟฟ้า อาทิ โคงการย่าน หลักสี่ แจ้งวัฒนะ รามอินทรา สะพานใหม่ ซึ่งราคายังไม่แพงมาก และเป็นทำเลที่มีโอกาสเติบโต หรืออีกทางเลือกที่เป็นคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยก็ยังมีความต้องการสูง อาจจะสร้างรายได้ดีกว่าฝากเงินในธนาคารได้ดอกเบี้ยต่ำด้วยซ้ำไป ปีฉลูจึงกลายเป็นตลาดของผู้ซื้อที่แท้จริง สามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายค่ายที่ต่างแข่งกันออกโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม มากมายเพื่อจูงใจลูกค้า
ท่ามกลางวิกฤติโควิดที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญอยู่
ทำให้เป็นที่จับตามองว่าในช่วง 3 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ว่าธุรกิจจะสามารถปรับตัวเพื่อใอยู่รอดปลอดภัยไปได้หรือไม่
ตลาดจะแย่ลงไปกว่านี้หรือไม่ จุดที่ยืนอยู่ถือเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจแล้วหรือยัง...?
คำถามที่ยังรอคำตอบยาวไปจนสิ้นปีนี้