4 ตัวอย่างการใช้ ‘Blockchain’ ป้องกันโควิดและฉีดวัคซีน
สำหรับผู้ที่สนใจในแวดวงการลงทุนและธุรกิจ ถ้าเอ่ยถึงคำว่า ‘Blockchain’ จะต้องนึกถึงสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการเก็บข้อมูลที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ ได้ถูกนำมาใช้ในด้านการป้องกันการระบาดของโควิดและฉีดวัคซีนด้วย แต่จะช่วยได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจในบทความนี้กัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
วัคซีนที่ดีที่สุด
คือวัคซีนที่ได้ฉีดเร็วที่สุด...จริงหรือ?
วลีฮิตประจำเดือนพฤษภาคมที่ถูกหยิบไปพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
คงจะหนีไม่พ้นคำกล่าวที่ว่า “วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ได้ฉีดเร็วที่สุด”
ซึ่งความเป็นจริงคำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง แต่อาจจะไม่ใช่ 100%
ซะทีเดียว โดยจากความเห็นของ Jason Kelley ผู้จัดการทั่วไปของ
Blockchain IBM กล่าวว่า
“วัคซีนไม่อาจมีประสิทธิภาพดีได้
ถ้าขาดการแจกจ่ายอย่างไร้ประสิทธิภาพและความไว้วางใจของผู้บริโภค”
เหตุการณ์ความไม่เชื่อมั่นในวัคซีนไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผู้คนในประเทศไทย
แต่ประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาเองก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
ในช่วงแรกที่มีข่าวเกี่ยวกับทดลองวัคซีนเสร็จเรียบร้อยเตรียมแจกจ่ายให้ผู้คนทั่วโลก
เชื่อหรือไม่? มีประชากรในสหรัฐอเมริกากว่า 77% ไม่กล้าฉีด
เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในตัววัคซีน ดังนั้น
ความโปร่งใสในข้อมูลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง อย่างรัฐแจกจ่ายให้ประชากรแต่ละรายจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
นี่จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มีการนำ
Blockchain มาใช้ในด้านการป้องกันโควิดและฉีดวัคซีน
โดยเน้นไปที่การใช้ในกระบวนการตรวจสอบข้อมูลที่ทุกคนทั่วไปเชื่อถือได้
และช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด
ตัวอย่างการนำ
Blockchain มาใช้ในด้านการป้องกันโควิดและฉีดวัคซีน
เชื่อว่าหลายท่านพอจะเข้าใจว่าช่วยในเรื่องของข้อมูลที่เชื่อถือได้
แต่อาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่า แล้ว Blockchain จะถูกนำมาใช้อย่างไรบ้าง
จึงขอหยิบยกตัวอย่างที่มีการใช้ Blockchain ในด้านการป้องกันโควิดและฉีดวัคซีนจากต่างประเทศให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นกัน
1)
ใช้ตรวจสอบความปลอดภัยในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัคซีนคือ
‘ความปลอดภัย’ Blockchain จึงถูกหยิบมาใช้ในด้านการขนส่ง
เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและที่มาของอุปกรณ์ เช่น ใช้ควบคู่กับ IOT อย่างเซ็นเซอร์อุณหภูมิ ตรวจสอบอุณหภูมิและระยะเวลาในการเก็บรักษาวัคซีน
ฯลฯ
2)
การจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
ด้วยความที่วัคซีนมีจำกัดและคนส่วนใหญ่ในช่วงก่อนนี้ยังไม่มั่นใจในวัคซีน
IBM และ Moderna จึงนำ Blockchain AI และ Hybrid Cloud มาใช้ในการจัดการวัคซีนให้เหมาะสมกับการแจกจ่ายและความต้องการของประชากร
รวมถึงแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
3)
สร้างแอปพลิเคชั่นเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ
ปัจจุบันได้มีการสร้างแอปพลิเคชั่น
โดยอาศัย Blockchain
มาช่วยเบื้องหลังมากมาย เช่น Digital Health Pass แอปฯ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นวัคซีนพาสปอร์ต
ที่คอยเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน อย่างการรับรองฉีดวัคซีนเรียบร้อย ฯลฯ
มีการแชร์ข้อมูลให้ในองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ไม่ว่าจะที่ทำงาน
สนามกีฬา สนามบิน ฯลฯ หรืออย่าง Coalition และ TraceTogether
ที่มีการใช้เครือข่ายบลูทูธ
เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปฯ และเปิดบลูทูธ
แอปฯ จะบันทึกการเจอกันแบบไม่ระบุตัวตนว่าคนนั้นเป็นใคร กับผู้ใช้ Coalition
คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ไว้ในโทรศัพท์ หากมีการแจ้งว่าป่วย
ระบบจะส่งข้อมูลไปยังคลาวด์แล้วเตือนผู้ใช้ที่ได้เจอคนที่แจ้งว่าป่วยให้เตรียมตัวเฝ้าระวังต่อไป
4)
ลดโอกาสเจอเภสัชภัณฑ์มีปัญหา
เรื่องน่าตกใจคือ
ในบางประเทศมียาปลอมกว่า 70%
อีกทั้งบางทียังเจอปัญหาสั่งจ่ายยาผิดตัวหรือยาหมดอายุอีก
จึงมีการเริ่มนำ Blockchain มาใช้ในการเก็บข้อมูลและตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางว่ามาจากไหนตลอดจนถึงปลายทาง
ช่วยให้ติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
จากที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบเป็นวัน
หลังจากมีระบบนี้ก็สามารถจัดการได้ง่ายภายในไม่กี่วินาทีเลยทีเดียว
แม้ว่า Blockchain อาจจะไม่ใช่ตัวที่ลดปัญหาความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด 19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ได้แบบ 100% แต่ก็ช่วยให้สามารถจัดการป้องกันโควิด 19 และฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่น้อย น่าจับตามองต่อไปว่าจะมีการหยิบ Blockchain มาพัฒนาในด้านนี้เพิ่มเติมต่อไปอย่างไร? และจะมีการนำมาใช้จริงในประเทศไทยบ้างหรือไม่? เพราะข้อมูลที่ถูกต้อง จริงใจ และสามารถตรวจสอบได้ ถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคโควิด 19 จริงๆ