แต่ในทางกลับกัน ความยากก็คือ แล้ว แฟรนไชส์ไหนล่ะที่ดี? แฟรนไชส์ ไหนล่ะที่เหมาะสมกับเรา? ซึ่งคำตอบของคำถามที่ยากนี้ก็ได้ถูกรวบรวมมาไว้ตรงนี้แล้ว
1. การเติบโตของตัว แฟรนไชส์
อย่างแรกเลยที่ต้องสังเกตก็คือ การเติบโตของแฟรนไชส์ที่คุณจะซื้อ ถึงแม้ว่าเจ้าของแฟรนไชส์จะยื่นข้อมูลการเติบโต ข้อมูลการตลาด หรือข้อมูลอะไรต่าง ๆ อันสวยหรูมาให้ แต่ก็ยังไม่มากพอ คุณต้องทำการสำรวจสืบค้นข้อมูลเหล่านั้นด้วยตัวเอง และที่สำคัญเลยก็คือ แฟรนไชส์ตัวนี้สามารถเติบโตได้ในพื้นที่ที่คุณต้องการตั้งหรือเปล่า
2. การสนับสนุนจากเจ้าของ แฟรนไชส์
เมื่อเลือกแฟรนไชส์ได้แล้ว หาข้อมูลครบแล้ว ก็ถึงเวลามาเช็กดูว่าเจ้าของแฟรนไชส์ได้เสนออะไรให้คุณอีกบ้าง เขามีขั้นตอน กระบวนการอย่างไรในการช่วยเหลือให้คุณสามารถเดินหน้า วิ่ง และเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ แม้แต่แฟรนไชส์เล็ก ๆ ก็ยังสามารถเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ได้ ถ้ามีการสนับสนุนที่เพียงพอ
3. การตลาดและการโฆษณา
เจ้าของแฟรนไชส์มีโปรแกรมการตลาดหรือการโฆษณามาสนับสนุนคุณอย่างไรบ้าง มีการใช้งานแพลตฟอร์มที่สำคัญในการโฆษณาของยุคนี้หรือเปล่า เช่น พวกโซเชียลมีเดีย หรือการตลาดออนไลน์ คุณอาจจะต้องจ่ายค่าโฆษณาบางอย่างให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ทุกเดือน ดังนั้นเช็กดูให้แน่ใจว่าเงินที่คุณลงทุนไปในส่วนนั้นคุ้มค่าจริง ๆ หรือไม่
4. ความเหมาะสมกับตัวคุณเอง
ถึงแม้ว่าแฟรนไชส์ที่คุณเล็งไว้จะอยู่ในเกณฑ์ดีแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งสำคัญข้อสุดท้ายในการเลือกซื้อก็คือตัวคุณเอง เพราะแฟรนไชส์นั้นเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ควรจะเหมาะกับตัวคุณ เหมาะกับบุคลิก ลักษณะ และทักษะของคุณ การจะทำให้
ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องใช้เวลาที่เนิ่นนาน ดังนั้นถ้าหากคุณฝืนทำไปทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ ความสำเร็จก็เข้ามาหาคุณได้ยาก
5. ความพอใจของคนซื้อ แฟรนไชส์
ทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าแฟรนไชส์นั้นดีจริงหรือเปล่าก็คือ เข้าไปถามคนที่ทำแฟรนไชส์นี้อยู่ หรือถามคนที่เคยทำมาก่อน วิธีนี้จะเป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนได้เลยว่า คุณควรจะตัดสินใจซื้อจริง ๆ ใช่มั๊ย เพราะถ้าคนที่ทำอยู่หรือเคยทำกลับไม่มีความสุขที่ได้ทำแฟรนไชส์ตัวนี้ ก็มีโอกาสสูงมากที่เราก็จะไม่ชอบเหมือนกัน
ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก