นโยบายหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอฮ่องกงคืออะไร ?
ฮ่องกงเป็นแหล่งส่งออกเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ของโลก รัฐบาลท้องถิ่นจึงมีการออกนโยบายเพื่อส่งเสริมด้านการส่งออก ซึ่งแนวทางการดำเนินนโยบายดังต่อไปนี้
1. นำระบบ Quick Response (QR Code : คิวอาร์โค้ด) มาใช้ในการซื้อขายกับลูกค้าในต่างประเทศให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
2. จัดตั้ง Retail Outlets สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบรนด์เนม ตามเมืองศูนย์การค้าที่สำคัญของโลก ได้แก่ ปักกิ่ง โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก เป็นต้น
3. บริหารโควตาส่งออก ในปัจจุบันการส่งออกสิ่งทอของฮ่องกงไปตลาดที่มีข้อจำกัดโควตานำเข้า อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าสิ่งทอขององค์การการค้าโลก หรือ ATC (Agreement on Textiles and Clothing)
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมการค้าฮ่องกงได้กำหนดระบบควบคุมการส่งออกสินค้าสิ่งทอ (The Textiles Export Control System)
ซึ่งประกอบด้วย
1. ระบบโควตา
2. ระบบใบอนุญาตสำหรับสินค้าสิ่งทอทุกชนิดที่ส่งออกจากฮ่องกง ยกเว้นการนำออกไปเพื่อใช้ส่วนตัวและที่ได้รับยกเว้น ซึ่งหากผู้ส่งออกจะขอยกเว้นไม่ขอใบอนุญาตส่งออก ต้องจดทะเบียนผู้ค้าสิ่งทอ (Textiles Trader Registration Scheme : TTRS) แทนการจัดสรรโควตา
3. กรมการค้าฮ่องกงจัดสรรโควตาให้แก่ผู้ส่งออกตามประวัติการส่งออก ผู้ส่งออกที่มีประวัติการส่งออกมากจะได้รับจัดสรรโควตามาก ซึ่งการจัดสรรโควตาในแต่ละปีอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากหลักเกณฑ์พื้นฐาน
4. หากยังมีโควตาเหลือหลังจากที่ได้จัดสรรให้ผู้ส่งออกที่มีสิทธิทุกรายแล้ว โควตาที่เหลือจะรวมไว้ในโควตากลาง (Pool) เพื่อจัดสรรให้กับผู้ส่งออกรายใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์ Free Quota นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับจัดสรรโควตายังสามารถขอโอนโควตา ขอ Swing โควตา ขอใช้โควตาข้ามปี หรือขอคืนโควตา ได้ตามหลักเกณฑ์ที่กรมการค้าฮ่องกงได้กำหนดไว้
5. ผู้ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Cut-and-Sewn Garments) ไปยังตลาดตามข้อตกลง จะต้องจดทะเบียนผู้ผลิต หรือ PN (Production Notification) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบแหล่งผลิตประกอบการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า และตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2542 เป็นต้นมา กรมการค้าฮ่องกงอนุญาตให้ผู้ส่งออกยื่นขอจดทะเบียนผู้ผลิตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ (Electronic Data Interchange : EDI)
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำฮ่องกง (สคร.ฮ่องกง) ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงช่องทางการขายในธุรกิจเสื้อผ้าว่า หากกลุ่มทางการตลาดของผู้ประกอบการชาวไทยเป็นกลุ่มตลาดกลางไปถึงตลาดบน การเปิดร้านค้าเสื้อผ้าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งท่องเที่ยวของฮ่องกง อาทิ ย่าน Tsim Sha Tsui, Causeway Bay หรือ Central ซึ่งมีราคาสูงเป็นพิเศษ แม้กระทั่งผู้ประกอบการชาวฮ่องกงรายย่อยก็ไม่อาจสู้ราคาค่าเช่าได้ ซึ่ง สคร.ฮ่องกงแนะนำเพิ่มเติมว่า ร้านค้าในย่านอื่น ๆ จะมีค่าเช่าร้านต่ำลดหย่อนลงมา โดยเฉพาะย่าน Mong Kok ก็ได้รับความนิยมสูง และค่าเช่าอาจไม่สูงเท่าย่านอื่น ๆ
สำหรับผู้ประกอบการชาวไทยที่ต้องการเจาะเข้ากลุ่มตลาดล่างนั้น สคร.ฮ่องกง แนะนำว่า ย่านที่ชาวฮ่องกงให้ความนิยมในการซื้อสินค้าเสื้อผ้าราคาถูกนั้น นอกจากจะอยู่ที่ย่าน Mong Kok แล้ว ยังมีร้านค้าแนว Street ที่ ถนน Cheung Sha Wan และที่ ย่าน Lai Chi Kok ที่เป็นศูนย์รวมค้าส่งเสื้อผ้ารายใหญ่ด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ประกอบการชาวไทย เนื่องจากสามารถลดต้นทุนค่าเช่าที่ไปได้มาก ก็คือการทำการขายผ่านออนไลน์ (E-Commerce) เนื่องจากทั้งชาวจีนและชาวฮ่องกงนิยมการใช้จ่ายโดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นผ่านทางเว็บไซต์ ด้านเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในจีนและฮ่องกง ได้แก่ Taobao.com และ Tmall.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้านานาประเภทออนไลน์ของกลุ่ม Alibaba ในประเทศจีน
ปัจจัยที่ทำให้ Taobao.com ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบการชำระเงินที่ไม่ยุ่งยาก โดยคนฮ่องกงสามารถใช้ระบบ Alipay ของเว็บไซต์ ที่ลูกค้าจะไม่ถูกหักเงินจนกว่าจะได้รับสินค้า หรือจ่ายผ่านบัตร Octopus ซึ่งเป็นบัตรสารพัดประโยชน์ใช้แทนเงินสด ที่สามารถชำระค่าโดยสารรถสาธารณะหรือสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ ในฮ่องกงได้ และขั้นตอนการขนส่งสินค้าที่สะดวกและราคาถูกกว่าเดิม รวมทั้งระบบบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
สคร.ฮ่องกง ให้ข้อมูลอีกว่า การนำเข้าเสื้อผ้ามายังฮ่องกงไม่ต้องขออนุญาตนำเข้า (Import License) และไม่มีภาษี ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาของ สคร.ฮ่องกง ได้ให้การสนับสนุนผู้ที่มีความสนใจเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้า Hong Kong Fashion Week เป็นจำนวนมาก และทางฮ่องกงดำเนินการจัดงานขึ้นในทุกปี ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภค รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายกันระหว่างผู้ประกอบการอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยมองว่าฮ่องกงเป็นตลาดแฟชั่นชั้นนำในเอเชีย รวมทั้งเป็นประตูเข้าสู่ตลาดจีน จึงทำให้การพัฒนาแบรนด์เสื้อผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักในฮ่องกงนั้นกลายเป็นโอกาสที่สำคัญ นอกเหนือจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรเน้นงานดีไซน์ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะทำให้สามารถเจาะตลาดบนของฮ่องกงและจีนได้ด้วย เพราะหากจะเน้นแข่งขันด้านราคาในตลาดล่างเท่านั้น ก็จะไม่สามารถแข่งขันเสื้อผ้าจากจีนได้
Bangkok Bank SME มีบริการสินเชื่อเพื่อการส่งออกในหลายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองทั้งวงจร ท่านสามารถส่งสินค้าขายถึงปลายทางด้วยบริการแบบเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้านทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สายด่วน 1333

