ดร.กอบศักดิ์ นำทีม บริษัทชั้นนำ เผยมุมมองการเติบโตกลุ่มประเทศ CLMVT
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมและเสวนาในงาน CLMVT Forum 2016 พร้อมบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ เพื่อหารือและเปิดโอกาสให้รัฐและเอกชนในประเทศไทย เวียดนาม สสป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา เผยมุมมองการเติบโตของธุรกิจภูมิภาค และมุ่งเน้นการส่งออกไปที่ CLMVT เพราะมีมูลค่ามากกว่าส่งออกไปยังสหรัฐฯ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล เปิดเผยถึงการปลดปล่อยศักยภาพ CLMVT ผ่านมุมมองจากบริษัทชั้นนำของโลกว่า ศักยภาพและโอกาสต่าง ๆ ใน CLMVT มีความสำคัญต่อการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาความเจริญเติบโตในภูมิภาค
“ในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกไทยอยู่ที่ร้อยละ 10.5 ซึ่งเมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าชายแดนถือว่ามูลค่าการค้าชายแดนมีมากกว่ามูลค่าการส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกที่ไทยส่งสินค้าไปมากที่สุดคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้น การที่มูลค่าการส่งออกการค้าชายแดนสูงกว่าการส่งออกนั้นเท่ากับว่า CLMV เป็นตลาดที่สำคัญสำหรับไทยมากกว่าสหรัฐฯ เสียอีก” ดร.กอบศักดิ์กล่าว
ด้าน Mr. Yutaka Sanada กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด กล่าวว่า หลายฝ่ายต่างวิเคราะห์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนกำลังถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งไม่ใช่สำหรับในภูมิภาค CLMVT เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนขยายตัวอย่างมากในภูมิภาคนี้ หากมองคู่แข่งที่ผ่านมาจะพบว่ามีการเข้ามาตั้งฐานการผลิตใน CLMVT จากข้อมูลดังกล่าววิเคราะห์ได้ว่า นอกจากปัจจัยความต้องการรถยนต์ในภูมิภาค CLMVT จะขยายตัวแล้ว CLMVT ยังมีความสำคัญในแง่ของการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาในภูมิภาค CLMVT ไม่ใช่ผลิตมาเพื่อตอบสนองแค่ในภูมิภาค แต่ยังส่งออกไปทั่วโลก อีกทั้ง ยังสร้างเม็ดเงินขยาย GDP ประเทศในภูมิภาค รวมถึงสร้างการเจริญเติบโตในส่วนอื่น ๆ อาทิ สร้างงานท้องถิ่น และพัฒนาศักยภาพแรงงาน เป็นต้น
Mr.Joe Kelly, Huawei Technologies แนะนำว่า CLMVT ต้องนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาศักยภาพและเป็นหัวใจของการขยายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเทคโนโลยีจะเข้ามาพลิกบทบาทในชีวิตของทุกคน และยังต้องนำ Connectivity เข้ามาเป็นรากฐานความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคศตวรรษที่ 21 โดยในหลายประเทศที่ผ่านมาอย่างประเทศเยอรมนี ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่ก็ยังทุ่มเงินพัฒนาและลงทุนจำนวนมหาศาลในกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพราะว่าโลกกำลังเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล โลกอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อน GDP ของทุกประเทศ
ในส่วนของ Mr. Thomas Tieber ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL Global Forwarding for ASEAN and South Asia กล่าวเพิ่มเติมว่า DHL เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และ Connectivity ซึ่งอาเซียนมีความก้าวหน้าในเรื่องการทำประชาคมเศรษฐกิจ อาทิ ลดกำแพงภาษี และขยายพลวัตของอาเซียนในฐานะยุทธศาสตร์ภูมิภาค เป็นต้น จากการทำวิจัยที่ผ่านมาพบว่าภาษีไม่ใช่อุปสรรคทางการค้า แต่ถึงกระนั้น เรื่องอำนวยความสะดวกทางการค้าก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญทางธุรกิจ เพื่อดำเนินการทำให้ภาษีศุลกากรเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วภูมิภาค
“CLMVT จะกลายเป็นศูนย์กลาง(Hub) ของอาเซียน DHL มีพนักงานกว่าสองหมื่นคนในอาเซียน ซึ่งสำหรับประเทศไทยมีโอกาสที่ยอดเยี่ยม เป็นศูนย์กลางภูมิภาคมากที่สุด โดยส่วนตัวอยู่เมืองไทยมา 20 ปี ความเป็น Hub ของไทยกำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะความพร้อมของ Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน)” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL กล่าว