รู้จัก 3 เครื่องมือโฆษณาออนไลน์ แบบเข้าใจง่าย ใช้เป็น

เทคนิคสำคัญในการทำ Digital Marketing ให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและสนใจกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะสร้าง Content ให้ดีและดึงดูดใจแล้ว การโปรโมทธุรกิจผ่านการลงโฆษณาออนไลน์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ซึ่งส่วนนี้เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามงบประมาณที่เหมาะสม ทั้งไม่ใช่การจ่ายเงินครั้งละมากๆ แต่การใช้เงินโปรโมทก็ไม่ใช่จะสวยหรูไปเสียหมด ข้อเสียคือ ด้วยการเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลเร็ว ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เราใช้เงินเพื่อโปรโมทอาจไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายของเราที่แท้จริงอาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง ทำให้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร หรือข้ามโฆษณาเราไปก็ได้เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันที่นิยมใช้กัน คือ

Facebook Ads ก็คือการซื้อโฆษณาใน Facebook นั่นแหละ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีเล่น Facebook ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง มีรูปแบบการลงโฆษณาที่หลากหลาย และเหมาสำหรับการใช้งานที่หลากหลายเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์ก็ว่าได้ เช่น ต้องการสร้างการรับรู้ สร้างรายชื่อผู้ที่สนใจสินค้า สร้างยอดขาย

ทำได้โดยเราสามารถกำหนดช่วงอายุ เพศ ภาษา ความสนใจ พฤติกรรม และงบประมาณได้ด้วยตนเอง ได้ทั้งแบบรายวัน รายเดือน ค่าใช้จ่ายหักผ่านบัตรเครดิต สามารถตั้งงบประมาณได้ ใช้งานง่ายและเห็นผลได้ทันตา ประเด็นสำคัญของการทำโฆษณาบน Facebook คุณต้องตอบโจทย์ของธุรกิจของคุณใช้ชัด ว่าต้องการอะไร เพื่อการตั้งค่าโฆษณาที่ตรงกลุ่มและมีคุณภาพ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก

Google Adwords คือการทำโฆษณาบนหน้าแรกของ Google นี่เป็นอีกขั้นของการทำโฆษณาใน Facebook โดยจะมีรูปแบบการคิดเงินแบบที่เรียกว่า PPC (pay-per-click) ที่จะเริ่มคิดเงินก็ต่อเมื่อมีผู้คลิกที่โฆษณาของเราโดยที่คุณสามารถกำหนดได้ว่าโฆษณาจะนำไปแสดงที่ไหน กำหนดได้ว่าใครจะเห็นโฆษณาของคุณบ้าง และกำหนดวิธีคิดค่าโฆษณาและงบประมาณในแต่ละวันได้ว่าไม่เกินเท่าไหร่ โดยลูกค้าจะสามารถเห็นข้อความโฆษณาของเรา เมื่อทำการเสิร์ชหาข้อมูลที่ตรงตาม Keyword ที่เรากำหนดไว้ โดยอันดับของโฆษณาของเราที่จะแสดงขึ้นอยู่กับการ Bidding ยิ่งมีคู่แข่งมากก็ยิ่งแพงมาก

อีกช่องทางที่โฆษณาคุณจะไปปรากฏ คือ Display Network คือ พื้นที่โฆษณาบนเว็บอื่นๆ ที่มีเนื้อหาคล้ายเว็บของคุณ หรือตามหมวดหมู่ตามที่คุณกำหนดไว้ และปัจจุบัน Google Adwords ยังมีโฆษณาอีก 2 รูปแบบ ที่คุณอาจสนใจลงโฆษณา คือ Shopping เป็นรูปแบบการโฆษณาที่เหมาะกับการขายสินค้าโดยเฉพาะ โดยจะแสดงทั้ง Search Network และ Display Network โดยการแสดงผลจะแสดงรูปสินค้าและราคา และ Video ที่เป็นการลงโฆษณาในรูปแบบวิดีโอบน Youtube นั่นเอง

ข้อดีของการโปรโมทบน Google Adwords คือ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีเห็นผลเร็วควบคุมผลลัพธ์ที่แน่นอนได้เพราะใช้เงิน ซึ่งก็มีข้อเสีย คือ เงินหมดโฆษณาหายเห็นผลระยะสั้นที่สำคัญโฆษณาอาจไม่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ด้วย แต่ถ้าทำด้วยความพอดีและรอบคอบจะมีประโยชน์มาก

Influencer ในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีอิทธิพลสูงในโลกออนไลน์ หรือคนมีชื่อเสียงแขนงต่างๆ และรวมถึงเพจที่มีคนติดตามเยอะ ๆก็นับเป็น Influencer ได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการใช้ Influencer เพื่อการโปรโมทสินค้าหรือธุรกิจของเราก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ส่วนใหญ่ก็ใช้ลักษณะการรีวิว ให้คนจำนวนมากเห็นตามช่องโซเซียลทางต่างๆ ถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้ผลดี วิธีก็ทำไม่ยาก อยากแรกคือเลือก Influencer ที่เหมาะสำหรับสินค้าหรือธุรกิจของเรา ซึ่ง Influencer เหล่านี้จะมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะตาม Category

ต่อมาก็ให้กำหนดรูปแบบการนำเสนอ ซึ่งก็มีเทคนิคต่างๆ ทั้งใช้การรีวิวแบบโต้งๆ หรือทำให้มันเนียนๆ ให้ดูไม่เหมือนโปรโมท เพื่อความสมจริง (แต่จริงๆ น้อยคนที่จะดูไม่ออก) ประเด็นสำคัญอยู่ที่รูปแบบจะน่าสนใจและถูกใจ ถูกกล่าวถึง และเป็นกระแสได้หรือไม่ ตรงนี้หละที่ต้องการ และต้องไม่ลืมว่า อยู่ที่ว่าการนำเสนอจะน่าสนใจหรือไม่

ส่วนค่าใช้จ่าย Influencer ในปัจจุบันมีตั้งแต่ระดับ นาโน  ไมโคร ไปจนถึงระดับแมส ดังนั้นราคาก็มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อย ไปจนถึงเลยหลายหลัก ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ระดับไหน สำหรับคำแนะนำ ปัจจุบัน Influencer ระดับไมโคร หรือ กลุ่มคน หรือเพจที่มีผู้ติดตามหลักพัน แต่ไม่เกินหมื่มคน มีการทำโปรโมทที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี ที่สำคัญใช้เงินไม่เยอะ

ถึงตรงนี้เชื่อว่าคงจะเห็นภาพการทำโปรโมทธุรกิจหรือสินค้าได้ชัดเจนผ่านช่องทางยอดนิยมในปัจจุบันตามหลักการทำ Digital Marketing  และสามารถเลือกช่องทางและเครื่องมือที่เหมาะสมได้ เพราะการจะโปรโมทธุรกิจหรือสินค้า อย่างแรกคือต้องศึกษาช่องทางที่เหมาะสม กลุ่มลูกค้าเราใช้ Facebook ,Google ,Website,Youtube,Instagram ,Twitter,LINE@ หรือติดตามเพจต่างๆ  ทั้งหมดดูที่ความสนใจ พฤติกรรม และความนิยมในการใช้สื่อเพื่อการทำโปรโมทที่ตรงกลุ่มนั่นเอง ดังนั้นไม่มีช่องทางไหนดีที่สุด ตัวเราเองจะตอบได้ดีที่สุดว่าแบบไหนเหมาะสำหรับธุรกิจเรา

แต่ยังไม่หมด ไว้ครั้งหน้าเราจะมาแนะนำการวัดผลการทำการตลาดออนไลน์โดยการใช้ Google Analytics ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดผลที่คนทำเว็ปไซต์ต้องรู้และใช้ให้เป็น และมันบอกอะไรได้หลายอย่าง และเป็นประโยชน์ต่อทุกธุรกิจ