บูเต้ แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่บุกตลาด AEC มาอย่างยาวนาน
มาไขความลับสู่ความสำเร็จกับ คุณดวงพร รักษาสิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดวงสิริ นีโอ คอสเมติกส์ จำกัด เจ้าของเครื่องสำอางแบรนด์ไทย “บูเต้” ที่อยู่ในธุรกิจเครื่องสำอางมากว่า 60 ปี จากรุ่นสู่รุ่นจนโด่งดังไปถึง AEC
คุณดวงพร รักษาสิริกุล ทายาทรุ่นที่สอง เล่าว่า “รุ่นแรกที่เริ่มทำธุรกิจ คือ คุณพ่อ จะพายเรือขายแป้งน้ำดินสอพองตามริมน้ำที่อยุธยา ทำเป็นธุรกิจในครอบครัว ต่อมาจึงทำแป้งฝุ่น และน้ำมันใส่ผมขาย ภายใต้ชื่อสินค้า “บูเต้” ซึ่งเป็นชื่อที่ทันสมัยในขณะนั้น เมื่อเข้าสู่รุ่นที่สอง จึงเริ่มมองหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้สินค้าเก่า พร้อมกับพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น สินค้าที่โดดเด่นในยุคของคุณดวงพร คือ ครีมไข่มุก ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ บูเต้ ซึ่งคุณดวงพรเน้นเจาะตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากยังไม่สามารถผลิตสินค้าเองได้”
หลังจากนั้น มีการพัฒนาสินค้าอื่นๆ เช่น นำแป้งพัฟสูตรดั้งเดิมมาผสมรองพื้นลงไป รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกมาก ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยคุณภาพสินค้าที่ดี ในราคาที่คนทุกระดับซื้อหาได้ ที่สำคัญในรุ่นที่สอง มีการพัฒนาตัวสินค้าเพิ่มจากงานวิจัยในห้องแล็บ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ทั้งในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัย แต่ 60 ปีที่ผ่านมา ก็มีอุปสรรคในการทำงานมากมาย เช่นตอนเกิดน้ำท่วมปี 54 บริษัทเสียโอกาสทางการค้าไป 2 ปี เกิดปัญหาด้านการเงิน ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารกรุงเทพเข้ามาช่วยเหลือในด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้
ปัจจุบันธุรกิจอยู่ในความดูแลของทายาทรุ่นที่สาม คือ คุณทิชา นิธิประภา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดวงสิริ นีโอ คอสเมติกส์ จำกัด เป็นผู้วางแผนการตลาดของ บูเต้ โดยใช้กลยุทธ์การตลาดที่คล้ายของเดิม แต่ใช้สื่อต่างไปจากเดิม ที่เคยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปาก หันมาใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สื่อสารในวงกว้าง ให้ชาวต่างชาติรู้จักมากขึ้น เปลี่ยนลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ให้มาเป็นสาวกของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้นทั้ง Modern Trade และ Online
ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์จากเครื่องสำอางแบรนด์ไทย “บูเต้” ที่สามารถยืนหยัดทำธุรกิจทั้งในประเทศไทย และกลุ่มประเทศ AEC กว่า 60 ปี ซึ่งบริษัทไม่หยุดที่จะพัฒนา และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจ ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางการตลาดตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ