ญี่ปุ่น ประเทศที่ชาวไทยคุ้นเคยอย่างดีในด้านการท่องเที่ยว อาหารและวัฒนธรรม แต่ในด้านการค้า ดูเหมือนจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ประกอบการชาวไทย เพราะตลาดญี่ปุ่นค่อนข้างอิ่มตัวและมีการแข่งขันที่สูง อีกทั้งการทำธุรกิจในต่างประเทศจะมีข้อปฏิบัติในด้านกฎหมายหรือธรรมเนียมที่ต่างกัน หนึ่งในนั้นคือภาษีขายของญี่ปุ่นที่เตรียมปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า
สื่อญี่ปุ่นได้รายงานว่า วันที่ 15 ต.ค. 2561 นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตรียมประกาศขึ้นภาษีการขาย (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) จาก 8% เพิ่มเป็น 10% เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 โดยรัฐบาลได้มีมาตรการอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายที่อาจลดลงจากการเพิ่มภาษี และงดเว้นการเพิ่มภาษีสินค้าประเภทอาหารสดไว้เท่าเดิม แต่ร้านอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีการปรับเพิ่ม ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้ประชาชนได้ โดยการปรับเพิ่มภาษีนี้ได้ถูกชะลอมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ
การปรับเพิ่มภาษีจะนำรายได้ไปชำระหนี้ของรัฐบาล อุดหนุนสวัสดิการต่างๆ ทั้งสถานเลี้ยงเด็กฟรี การรักษาพยาบาล และการดูแลผู้สูงอายุ โดยญี่ปุ่นกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ประชากรลดลงและมีอายุเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวลง ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะแก้ปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม แผนปรับเพิ่มภาษีนี้อาจยกเลิกได้หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
การปรับเพิ่มขึ้นของภาษีครั้งนี้จะส่งผลต่อผู้ประกอบการชาวไทยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะการทำธุรกิจในตลาดญี่ปุ่นโดยตรง หรือการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นเพื่อจำหน่ายชาวไทย ผลกระทบที่เห็นได้ชัด คือ ภาระต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับมากขึ้น การปรับราคาสินค้าที่สูงขึ้น และยอดขายที่ลดลงจากความคล่องตัวของการใช้จ่ายที่น้อยลง ผู้ประกอบการควรติดตามข่าวสารอยู่เสมอและเตรียมมาตรการหรือเทคนิคการรับมือให้พร้อม เพื่อปรับตัวกับเศรษฐกิจที่อาจเปลี่ยนแปลงไป