หลังจากเวียดนามบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และได้เริ่มลดภาษีกันในกลุ่มไปเมื่อต้นเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา จนสร้างความได้เปรียบให้กับเวียดนามในสายตาของนักลงทุนต่างชาติแล้ว
ล่าสุดเวียดนามกำลังจะบรรลุการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) สหภาพยุโรป (EU) และเวียดนาม หรือ “EVFTA” ความตกลงฉบับนี้ ถือเป็นฉบับแรกที่EUทำร่วมกับประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยเป็นการเจรจาคลอบคลุมทั้งสินค้า บริการ และการลงทุน
เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (EU) แถลงการณ์ว่าได้ยื่นขออนุมัติข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA จาก 28 ประเทศ รวมถึงจากรัฐสภาของยุโรปด้วย คาดว่าขั้นตอนสุดท้ายจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้
เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายตกลงร่วมกันว่าจะลดภาษีนำเข้าสูงสุด 99% ของสินค้าที่ค้าขายกันทั้งหมด ยกเว้นสินค้าอ่อนไหวบางหมวดสินค้าที่กำหนดระยะเวลาในการลดภาษี และมีการกำหนดปริมาณโควตา เช่น เวียดนามจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ของอียูจากอัตราปกติ 78% เป็น 0% ในระยะเวลา 10 ปี เช่นเดียวกับสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะลดภาษีจาก 32% เป็น 0% ภายใน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ขนาด 150 ซีซี หรือบิ๊กไบก์จะลดจาก 75% เป็น 0% ภายใน 7 ปี และสินค้าไวน์และสุราจากอียูจะลดภาษีจาก 50% เหลือ 0% ในเวลา 7 ปี
ขณะที่ EU กำหนดให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าอ่อนไหวที่จะยังไม่สามารถเปิดตลาดให้เวียดนาม พร้อมทั้งกำหนดระบบโควตาเพื่อยกเว้นภาษีให้สินค้าเกษตรของเวียดนามหลายรายการ เช่น ข้าว ข้าวโพด เห็ด น้ำตาล และทูน่ากระป๋อง เป็นต้น
นอกจากนี้ นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ยังให้คำมั่นว่าจะปกป้องปัญหาการลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของ EU ในเวียดนามซึ่งมี 169 รายการ เช่น แชมเปญ, ไวน์ริโอฮา ที่โด่งดังที่สุดของสเปน, เฟตาชีส และชีสปาร์มิจิอาโน เรจจิอาโน สินค้ายอดนิยมที่อียูส่งออกไปทั่วโลก ส่วนคำมั่นสัญญาของ EU ต่อเวียดนาม คือ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชั้นนำของเวียดนามในตลาด EU อาทิ ชา Moc Chau และเมล็ดกาแฟ Buon Ma Thuot สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจ คือ EU จะยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้า จาก 12% ให้เหลือ 0% เป็นเวลา 7 ปี โดยที่เวียดนามจะต้องใช้วัตถุดิบจาก EU หรือประเทศที่ FTA กับ EU เช่น เกาหลีใต้ เพื่อพัฒนาคุณภาพของสินค้าร่วมกัน ซึ่งประเด็นนี้ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเวียดนามจะได้ประโยชน์สูงสุด ท่ามกลางการคว่ำบาตรของEUในกัมพูชาและเมียนมา
ศ.คลาวดิโอ ดอร์ดี หัวหน้าทีมสนับสนุนโครงการช่วยเหลือด้านการค้าและการลงทุนของยุโรปในเวียดนาม (EU-MUTRAP) กล่าวว่า ข้อตกลง EVFTA จะเอื้อประโยชน์ต่อสินค้าของเวียดนาม และจะช่วยดึงดูดนักลงทุนสิ่งทอและรองเท้าของ EU ให้มาใช้เวียดนามเป็นฐานผลิตแห่งใหม่แทนกัมพูชา และเมียนมาที่กำลังจะถูก EU คว่ำบาตรเป็นรายต่อไป แม้ว่าอัตราค่าแรงงานในเวียดนามสูงกว่ากัมพูชา แต่ศักยภาพและจำนวนของแรงงาน เหมาะสมที่จะเป็นฮับด้านการผลิตในเอเชีย
ทั้งหมดนี้จะเห็นว่า ประโยชน์จากข้อตกลง EVFTA นี้จะส่งผลให้เวียดนามส่งออกไป EU เพิ่มขึ้น 4-6% จากปัจจุบัน และธุรกิจยุโรปก็จะเข้ามาลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงิน การผลิตรถยนต์ และการเกษตรเชิงนวัตกรรมขั้นสูง ซึ่งจะยิ่งทำให้เวียดนามเป็นแหล่งลงทุนเนื้อหอมสำหรับนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333