ท่ามกลางปัญหาสงครามการค้าที่ลุกลามไปทั่วโลก แต่การเติบโตของภาคการส่งออกของมาเลเซีย ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองไม่น้อย โดยในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) 2561 การค้าระหว่างประเทศของมาเลเซียมีมูลค่า 1.72 ล้านริงกิต ขยายตัว 6.2% เป็นการส่งออกมูลค่า 914,670 ล้านริงกิต ขยายตัว 6.9% และการนำเข้ามูลค่า 805,120 ล้านริงกิต ขยายตัว 5.3% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 109,550 ล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 20.2%
สำหรับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ น้ำมันปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันปาล์ม
จากรายงานข่าวจากสำนักข่าว Bernamar ระบุว่า ตลาดส่งออกหลักของมาเลเซียยังเป็นตลาดอาเซียน จีน สหภาพยุโรป และสหรัฐ โดยการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนในช่วงเดือน มกราคม-พฤศจิกยน 2561 มีมูลค่า 45,840 ล้านริงกิต ขยายตัว 4% โดยเฉพาะตลาดเวียดนาม มีมูลค่าถึง 938.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลาดไทยมีมูลค่า 170.7 ล้านริงกิต
ขณะที่การค้าระหว่างมาเลเซียนและจีน มีมูลค่า 26,510 ล้านริงกิต ลดลง 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตลาดสหภาพยุโรป มูลค่า 15,137 ล้านริงกิต ขยายตัว 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มตลาดนี้มีเพียง 3 ประเทศที่ขยายตัว คือ สเปน อิตาลี และโปรแลนด์ และสุดท้ายตลาดสหรัฐฯ มีมูลค่า 12,770 ล้านริงกิต ขยายตัว 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เดินหน้่านโยบาย "Look East"กระตุ้นลงทุน
ภาพรวมการส่งออกที่ขยายตัวนี้เชื่อมโยงถึงการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมามาเลเซียถือเป็นหนึ่งประเทศที่นักลงทุนให้ความสำคัญไม่แพ้ไทย หลายคนคงเคยได้ยินนโยบาย "Look East" ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของนายกรัฐมนตรี ตุน ดร.มหาเธร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2525 โดยนโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการลงทุนของมาเลเซีย เปิดกว้างดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ให้เข้าไปลงทุนจัดตั้งโรงงาน และยกสถานะสินค้าฮาลาลระดับโลก
Datuk Zulkifli Abdul Malek อดีตประธาน The Alumni Look East Policy Society (ALEPS) ระบุว่า นโยยาย Look East เป็นนโยบายที่ช่วยยกระดับการลงทุนให้มาเลเซียก้าวไปข้างหน้า ประโยชน์ที่มาเลเซียจะได้รับจากการเข้ามาของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นจะทำให้มีการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร ให้เข้าใจภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น รวมทั้งการทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านจริยธรรมในการทำธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ มาเลเซียพยายามผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมของสมาคมศิษย์เก่ามาเลเซียที่สำเร็จการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในมาเลเซียให้มากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันมาเลเซียจะไม่ใช่ประเทศที่มีต้นทุนด้านแรงงานที่ต่ำเนื่องจากมาเลเซียหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่เน้นการใช้แรงงานเป็นหลัก และก้าวสู่การเป็นประเทศที่เน้นอุตสาหกรรมระดับสูงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนนั้นจะแตกต่างไปจากเดิมที่เคยมุ่งน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลัก แต่นักลงทุนรายใหม่ที่มาเลเซียส่งเสริมคือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับในหลายอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ทั้งนี้จะเห็นว่า ในช่วงเกิดภาวะสงครามการค้า ภาวะการค้าโลกชะลอตัว “นโยบายการลงทุน” ถือเป็นหมากสำคัญในการวางอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ จะเห็นว่าในขณะที่ไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนเข้าสู่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันนออก (EEC) ทางมาเลเซียก็ไม่น้อยหน้าเพราะมีนโยบาย Look East ที่ใช้ดึงดูดการลงทุนเช่นกัน และเป้าหมายนักลงทุนหลักทั้งสองประเทศมุ่งหานักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน ต่อไปคงต้องติดตามว่ามาเลเซียจะงัดกลยุทธ์อะไรมาใช้เป็นแมคเน็ตดูดการลงทุนอีกก็เป็นได้
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333