เรายังคงติดตามข่าวคราวด้านการถอนตัวจากสมาชิกภาพอียูของสหราชอาณาจักร (Brexit) กันต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นจริงจะส่งผลกระทบต่อหลายแง่มุม ไม่เพียงแต่เรื่องการดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหราชอาณาจักรและอียูเท่านั้น หากยังมีผลกระทบต่อประเทศสมาชิกขององค์กรการค้าโลก (WTO)
รวมถึงประเทศไทยที่ต้องทำการค้าขายกับประเทศในอียูเนื่องจากเงื่อนไขเขตการค้าเสรีด้านสินค้า (free circulation in EU) ระหว่างสหราชอาณาจักรและอียูจะสิ้นสุดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับพันธกรณีต่างๆ ซึ่งอียูได้เคยจัดทำไว้ภายใต้กรอบ WTO เช่น ตารางข้อผูกพันทางภาษี รายการสินค้าที่มีโควต้าภาษี รายการสินค้าที่มีโควต้าเฉพาะรายประเทศ ฯลฯ ว่าจะมีการจัดสรรและเจรจากันอย่างไรต่อไปภายหลังที่สหราชอาณาจักรแยกออกจากอียูแล้ว
ตามแนวทางปฏิบัติภายใต้ WTO ข้อ XXVIII ของ GATT 1994 กำหนดให้สมาชิกที่ต้องการแก้ไขหรือถอนข้อผูกพันในตารางพันธกรณี จะต้องเจรจาและตกลงกับประเทศสมาชิกที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะขอรับการรับรองตารางพันธกรณีที่ได้ผ่านการเจรจากับสมาชิกที่เกี่ยวข้องแล้วจากสมาชิก WTO ทั้งหมดจึงจะถือว่าตารางพันธกรณีนั้นเป็นตารางพันธกรณีที่แนบท้ายความตกลงว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (General Agreement on Tariff and Trade – GATT 1994) อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากอียูจะคงเหลือสมาชิก 27 ประเทศ จากเดิม 28 ประเทศจึงจำเป็นต้องมีการปรับข้อผูกพันปริมาณโควต้าภาษีโดยการแบ่งสัดส่วนโควต้าภาษีระหว่างอียูและสหราชอาณาจักร โดยใช้หลักการคือ อียู (27 ประเทศ) = อียู (28 ประเทศ) – สหราชอาณาจักร
อียู จัดโควตาใหม่ หลัง Brexit ไทยโดนเต็มๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่กฎระเบียบ 2019/216 เรื่องการจัดสรรโควต้า (Tariff rate quotas) ในส่วนของอียูสืบเนื่องจาก Brexit โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 แต่ข้อบทที่เกี่ยวกับการจัดสรรโควต้าใหม่ให้เริ่มมีผลวันที่สหราชอาณาจักรออกจากอียู ซึ่งก็ คือวันที่ 30 มีนาคม 2562 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-ไทยจะถูกปรับลดโควต้าลงร้อยละ 15.1-100 ใน 12 รายการ ตามที่ตารางการจัดสรรโควต้าใหม่กำหนด ซึ่งพบว่าเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพส่งออกทั้งในตลาดอียูและสหราชอาณาจักร อาทิ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง มันสำปะหลัง ข้าวกล้อง เนื้อไก่ปรุงสุกและเนื้อไก่แปรรูปที่มีไก่ 25%-57% ของน้ำหนัก เนื้อเป็ด ปลาแปรรูปจำพวกปลาซาร์ดีนและปลาทูน่า
-การจัดสรรโควต้าดังกล่าวคำนวณจากสัดส่วนที่อียู 27 ประเทศ นำเข้าจริงในช่วง 3 ปีล่าสุด (recent representative 3-year period) และหากไม่มีข้อมูลการนำเข้าภายใต้กลไก TRQ ในช่วงเวลาดังกล่าว ให้ใช้การคำนวณจาก โควต้า TRQ ของสินค้าตัวเดียวกันแต่ถูกจัดให้อยู่คนละรายการ (หากมี) หรือ สินค้าตัวเดียวกันที่มิได้นำเข้าภายใต้ระบบ TRQ
โดยมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการฝ่ายเดียวของอียูที่ตั้งบนพื้นฐานว่า สหราชอาณาจักรจะจัดสรรโควต้า TRQ ในรูปแบบเดียวกันเพื่อให้โควต้ารวมไม่ลดลงจากที่อียูเคยจัดสรรก่อนการถอนตัวจากสมาชิกภาพอียูของสหราชอาณาจักร
ปัจจุบัน อียู สหราชอาณาจักรและประเทศที่สาม (รวมทั้งไทย) ที่ได้รับการจัดสรรโควต้า TRQs อยู่ระหว่างการเจรจาที่นครเจนีวาในกรอบ WTO โดยไทยอยู่ระหว่างการเจรจากับทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดจากโควต้าลดภาษีสินค้าที่ไทยเคยได้ เพราะสหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยในยุโรป สินค้าจำนวนมากที่ไทยส่งออกไปยังอียูเดิมใช้สหราชอาณาจักรเป็นช่องทางเข้าสู่ตลาดและเป็นจุดกระจายสินค้าไปยังประเทศสมาชิกอียูอื่น
ด้วยเหตุนี้ ผู้ส่งออกไปยังอียูจึงต้องติดตามพัฒนาการเป็นระยะว่าไทยจะได้รับผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปอียูและสหราชอาณาจักรภายใต้ระบบ TRQ อย่างไร เพื่อหาแนวทางปรับตัวทั้งในแง่การส่งสินค้าไปประเทศต่าง ๆ ในอียูผ่านช่องทางอื่นและการส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรเอง
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333