อินเดียกับเป้าหมายมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตร

SME Update
15/04/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 2179 คน
อินเดียกับเป้าหมายมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตร
banner
ช่วงเดือนที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียประกาศจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลกโดยทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตเกษตรกรและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หนึ่งปีถัดมา เดือนมกราคม 2562 อินเดียแถลงยุทธศาสตร์อินเดียใหม่ หรือ “New India” ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้เกษตรกรด้วยเทคโนโลยี และเน้นปรับปรุงนโยบายด้านการเกษตร และสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับสินค้าเกษตร โดยได้อนุมัติ “นโยบายการส่งออกสินค้าเกษตร” ที่ตั้งเป้าหมายให้อินเดียมีรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 2565 และจะพัฒนาไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 2568

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme


ทำความรู้จักนโยบายการส่งออกสินค้าเกษตร

นโยบายการส่งออกสินค้าเกษตร เป็นการประมวลข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาสินค้าเกษตรสำหรับการส่งออก โดยแบ่งเนื้อหาเป็นข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา สมาคมผู้ประกอบการ และเกษตรกร และข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการ ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม โดยมีข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย

1.มาตรการด้านนโยบายที่มุ่งทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรอินเดียมีความสม่ำเสมอและน่าเชื่อถือ ไม่แปรผันตามความผันผวนของตลาดภายในประเทศ เน้นเปิดเสรีการนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้าแปรรูปเพื่อส่งออก และมุ่งสร้างมาตรฐานราคาสินค้าเกษตรทั่วประเทศด้วยการปฏิรูปกลไกการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกรัฐ

2.โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าเกษตรแบบครบวงจร

3.สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อกระตุ้นการส่งออก โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานในทิศทางเดียวกัน

4.ทำให้รัฐบาลระดับรัฐมีส่วนร่วมมากขึ้น เนื่องจากแต่ละรัฐต้องการการพัฒนาต่างกัน

รวมทั้งข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการ ประกอบด้วย

1.การกำหนดแนวทางส่งเสริมการส่งออกตามหมวดหมู่สินค้า โดยได้แบ่งหมวดหมู่สินค้าที่มีศักยภาพเป็นรายรัฐไว้แล้ว และมีแนวทางการดำเนินงานที่น่าสนใจ อาทิ การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมกระบวนการเพาะปลูกและจัดทำฐานข้อมูลด้านการเกษตร การยกระดับและรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรทั่วประเทศให้พร้อมส่งออก และการจัดตั้ง Agri Export Zones (AEZs) ในรัฐต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป โดยเน้นส่งออกไปยังประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรแปรรูปในปริมาณมาก เป็นต้น

2.ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยนำสินค้าท้องถิ่นและสินค้าออร์แกนิกที่มีศักยภาพมาพัฒนาและแปรรูป และมุ่งทำให้อินเดียกลายเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบครบวงจร เน้นการนำภูมิปัญญาด้านอายุรเวทมาสร้างจุดเด่น

3.ส่งเสริม “Brand India” โดยสร้างความนิยมและความน่าเชื่อถือต่อสินค้าเกษตรของอินเดีย และวางแผนส่งออกอาหารอินเดียสำเร็จรูปไปยังตลาดอาหรับและอาเซียนซึ่งมีประชาชนเชื้อสายอินเดียอาศัยอยู่มาก

4.ดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการส่งออก นับตั้งแต่การแปรรูป การทำบรรจุภัณฑ์ การขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การปรับปรุงระบบพิธีการส่งออกให้รวดเร็ว

5.ส่งเสริมการศึกษา พัฒนา และตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรอย่างสม่ำเสมอ

ประเทศไทยควรทำความเข้าใจและมีแนวทางรับมือ

1.นโยบายนี้สะท้อนให้เห็นว่าอินเดียตระหนักถึงโอกาสมหาศาลจากการพัฒนาการเกษตรอย่างแท้จริง และมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับมาตรฐานสินค้าสด และเพิ่มมูลค่าสินค้าแปรรูป ซึ่งหากแนวนโยบายนี้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องย่อมจะสร้างอินเดียให้เป็นมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตรได้ตามแผน

2.ผลกระทบต่ออาเซียนและไทย อินเดียมองอาเซียนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการกำหนดนโยบาย โดยเห็นอาเซียนเป็นทั้งตัวอย่าง เป็นตลาด และเป็นคู่แข่ง ซึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ได้ประมาณการณ์ว่า ผลกระทบเชิงบวกคือโอกาสด้านการลงทุนสำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและการแปรรูปอาหาร และโอกาสการส่งออกผักผลไม้ไปยังอินเดียมากขึ้น ซึ่งสืบเนื่องจากการเปิดตลาดเพื่อนำเข้าวัตถุดิบของอินเดีย และการพัฒนาระบบพิธีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ท่าเรือ

ผลกระทบเชิงลบคือในระยะยาวสินค้าเกษตรจำพวกผักผลไม้สดจากอินเดียอาจเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอาเซียนในตลาดเอเชียกลางและเอเชียใต้ (โชคดีที่ในเบื้องต้นอินเดียยังไม่ได้กำหนดให้ข้าว น้ำตาล ยางพาราเป็นกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพสำหรับเน้นส่งเสริมการส่งออก)

3.บทเรียนต่อไทย พัฒนาการของอินเดียครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าไทยควรเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการเกษตรให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าและแปรรูปสินค้าให้หลากหลาย มากกว่าการผลิตสินค้าเกษตรขั้นพื้นฐาน หรือสินค้าที่เพิ่มมูลค่าเพียงเล็กน้อยเพื่อการส่งออก เพราะในระยะยาวหากอินเดียสามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปได้จริง ไทยย่อมสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดโลก และอาจกลายเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าเกษตรขั้นต้นเพื่อส่งให้อินเดียและประเทศอื่น ๆ ใช้แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและ re-export ต่อเท่านั้น

New India

กล่าวได้ว่า ไทยไม่สามารถละเลยความก้าวหน้าของอินเดียในทุกมิติ เพราะหากช้าไป นอกจากจะฉกฉวยโอกาสในอินเดียไม่ทันแล้ว ยังอาจถูกอินเดียวิ่งแซงหน้าโดยไม่รู้ตัว

สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจเนื้อหานี้ สามารถอ่านนโยบายฉบับเต็มได้ที่ https://commerce.gov.in/writereaddata/uploadedfile/MOC_636802088572767848_AGRI_EXPORT_POLICY.pdf

อ้างอิง : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี
Bangkok Bank SME ราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

ธุรกิจครอบครัว (Family Business) เป็นหน่วยธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่กระจายตัวอยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการส่งต่อความสำเร็จในธุรกิจครอบครัวจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง…
pin
17 | 04/06/2025
งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พบกับงาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ Website: thailandfranchising.comวันที่:…
pin
12 | 30/05/2025
Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

เข้าใจความหมายของ Net Zero แตกต่างจาก Carbon Neutral อย่างไร พร้อมเหตุผลที่ SME ไทยควรเริ่มปรับตัว เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและรองรับอนาคตที่ยั่งยืนContent…
pin
22 | 19/05/2025
อินเดียกับเป้าหมายมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตร