เจาะโมเดล ‘เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่’ ดีลเลอร์รถไถนา มุ่งพัฒนาฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ ต่อยอดท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ความมั่นคงด้านอาหาร นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร เป็นปัจจัยหลักต่อการขับเคลื่อนเกษตรสมัยใหม่ หรือการทำ Smart Farming ที่ตอบโจทย์ความต้องการอาหารที่มีคุณภาพ เพียงพอ และตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
ภายใต้การจัดการที่ง่าย ลดการใช้แรงงาน และตอบสนองความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุนี้ เทรนด์ด้านเกษตรสมัยใหม่ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาในหลากหลายธุรกิจ และยังเป็นการผลักดันสู่ Business Model ใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย

อย่างกรณี คุณภาณุวัฒน์ เบญจพลกุล ผู้บริหาร บริษัทคูโบต้าเบญจพล นครราชสีมา จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทางการเกษตรภายใต้แบรนด์คูโบต้า อาทิ แทรกเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง รถเกี่ยวนวดข้าว รถดำนา รถขุดขนาดเล็ก รถไถเดินตาม เครื่องยนต์ดีเซล และอะไหล่
ที่นำแนวคิดธุรกิจจากการได้ไปศึกษาที่ ‘คูโบต้า ฟาร์ม’ ฟาร์มต้นแบบเกษตรสมัยใหม่บนเนื้อที่มากกว่า 220 ไร่ ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนาเป็นฟาร์มเกษตรกึ่งร้านคาเฟ่ของตัวเอง

Cr.ภาพ คูโบต้า ฟาร์ม
‘เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่’ ไม่เพียงใช้เป็นพื้นที่พัฒนาด้านการตลาดเพื่อจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรที่ตัวเองเป็นผู้แทนจำหน่ายให้กับคูโบต้า แต่ยังนำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ฟาร์มกึ่งร้านคาเฟ่ไปสู่ Business Model ใหม่ ๆ
อาทิ ฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง สามารถขายได้ราคาสูงกว่าทั่วไป หรือการพัฒนาเป็นร้านคาเฟ่เชิงเกษตรยุคใหม่ ที่นำผลผลิตจากฟาร์มมาจำหน่ายหรือแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า
เหล่านี้คือการนำเทรนด์เกษตรสมัยใหม่และตลาดผู้บริโภคยุคใหม่มาต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่เดิมให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถต่อยอดธุรกิจใหม่ได้อีกด้วย

แนวคิด ‘เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่’
คุณภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนจำหน่ายของคูโบต้า ได้มีการศึกษาตลาดเครื่องจักรกลขนาดเล็กเพื่อการเกษตรซึ่งคาดการณ์ว่า พฤติกรรมการทำเกษตรสมัยใหม่มีการปรับเปลี่ยนไป เน้นการจัดการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ขณะที่นวัตกรรมการเกษตรต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีที่จะทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถบริหารจัดการฟาร์มและผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ มีแนวโน้มจะเติบโตยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งจากการได้ไปศึกษาดูงานที่ คูโบต้า ฟาร์ม จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนา Business Model ใหม่ ๆ โดยใช้พื้นที่ด้านข้างโชว์รูมคูโบต้าเบญจพล นครราชสีมา สาขา หนองบุญมาก ประมาณ 47 ไร่ มาพัฒนาเป็น เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่
โดยตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นฟาร์มท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ภายในมีร้านคาเฟ่ และจำหน่ายผลิตสินค้าจากฟาร์ม รวมถึงสามารถใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเพื่อการตลาดและส่งเสริมยอดขายภายใต้การเป็นผู้แทนจำหน่ายภายใต้แบรนด์คูโบต้าได้อีกด้วย

โดย เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่ แบ่งพื้นที่การพัฒนาในระยะแรกประมาณ 10 ไร่ เป็น 3 โซนหลัก ๆ ประกอบด้วย..
โซนที่ 1 : แปลงเกษตรสาธิต
เป็นพื้นที่ให้ความรู้และทดสอบการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ของคูโบต้า อาทิ แทรกเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง โดรนเพื่อการเกษตรประเภทต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้เข้ามาศึกษาและใช้งานจริงจากแปลงสาธิตของฟาร์ม
ซึ่งที่ผ่านมาได้นำลูกค้าไปเยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์ม ที่จังหวัดชลบุรีจนนำไปสู่การขายสินค้าได้หรือมีการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้าเดิม
ดังนั้น การพัฒนาในส่วนฟาร์มและแปลงเกษตรสาธิตเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทำเกษตรสมัยใหม่ ถือเป็นการพัฒนาทั้งด้านการตลาดและการบริการลูกค้าที่นำไปสู่การจำหน่ายสินค้าได้ในที่สุด

โซนที่ 2 : โรงเรือนอัจฉริยะ
ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่ปลูกเมล่อนเกรดคุณภาพเพื่อจำหน่ายเป็นผลผลิตภายใต้แบรนด์ของฟาร์ม เบญจิตตะ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และยังเป็นโมเดลการเพาะปลูกที่ลูกค้าสามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการทำผลผลิตให้มีคุณภาพดีได้อีกด้วย

โซนที่ 3 : แปลงผักสดปลอดภัย
ปัจจุบันใช้ปลูกผักสลัดต่าง ๆ เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค บัตเตอร์เฮด เรดคอส ผักกาดหอม รวมถึงกลุ่มผักหมุนเวียนทั่วไป อาทิ แตงกวา คะน้า กวางตุ้ง มันหวานญี่ปุ่น ที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด จึงไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตร
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนวัตกรรมเกษตร คุณภาณุวัฒน์ กล่าวว่า เบญจิตตะ คาเฟ่ & ฟาร์ม ได้นำการจัดการแบบ Smart Farm มาใช้เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ สด สะอาดและปลอดภัย โดยเป็นองค์ความรู้และนวัตกรรมของคูโบต้า ที่ฟาร์มนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น
อาทิ โรงเรือนอัจฉริยะที่มีระบบควบคุมด้วยอุปกรณ์ IoT หรือเซนเซอร์ ภายในโรงเรือนแบบปิด โดรนฉีดพ่นทางการเกษตร แอปพลิเคชันปฏิทินการเพาะปลูก และการบริหารเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ ตลอดจนการนำองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาปรับใช้ในฟาร์มสาธิตอยู่เสมอ

คุณภาณุวัฒน์ มองว่า เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่ จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ให้ธุรกิจ โดยการนำผลิตภัณฑ์จากฟาร์มมาจำหน่ายได้ด้วย และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าในด้านตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลขนาดเล็กและอุปกรณ์ต่อพ่วงเพื่อการเกษตรภายใต้แบรนด์คูโบต้า

ต่อยอดฟาร์มกึ่งร้านคาเฟ่
คุณภาณุวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่ ยังไม่ได้เปิดเต็มรูปแบบ โดยพื้นที่ทั้งหมด 47 ไร่ หลัก ๆ ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าของคูโบต้า เพื่อให้ลูกค้าเยี่ยมชมหรือทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย แต่เริ่มมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฟาร์มผัก และนำผักสดจากฟาร์มมาใช้เป็นวัตถุดิบในร้านอาหาร

ขณะที่คาเฟ่ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการออกแบบและตกแต่งร้าน คาดว่าจะสามารถเปิดในเฟสแรกบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ โดยจะประกอบด้วยร้านอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม รวมถึงเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าสามารถเดินชมพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ ของฟาร์มได้ภายในปลายปี 2566 นี้ นอกจากนั้นจะพัฒนาส่วนที่เหลืออยู่ในเฟส 2 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม โมเดลธุรกิจฟาร์มเกษตรเชิงท่องเที่ยวและร้านคาเฟ่ในลักษณะนี้ แม้ปัจจุบันจะมีการแข่งขันในตลาดสูง แต่หากพิจารณาจากเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงเกษตร พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
ดังนั้น การพัฒนา เบญจิตตะ ฟาร์ม & คาเฟ่ จะยังคงมุ่งเน้นพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ ๆ ที่ไม่เพียงเฉพาะเป็นผู้แทนจำหน่ายแบรนด์คูโบต้า แต่ยังสร้างโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจฟาร์มเกษตรเชิงท่องเที่ยวและกิจกรรมนันทนาการ รวมถึงมุ่งพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจต่อไป