ในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญกับวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจถดถอยจากการระบาดของเชื้อโควิด 19 ทำให้หลายๆ บริษัทเริ่มหาทางลดต้นทุนเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้ หนึ่งในทางเลือกที่ดูใจร้อนแต่มีความจำเป็นนั้นคือการ Downsize หรือการลดขนาดองค์กรให้เล็กลง แน่นอนว่าคงไม่มีบริษัทไหนอยากใช้นโยบายนี้
เพราะหมายถึงพนักงานจำนวนหนึ่งต้องถูกปลดออก สิ่งนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจส่งผลเสียแก่บริษัทมากกว่าผลดี โดยสิ่งที่ต้องตระหนักในการ Downsize หรือการลดขนาดองค์กรให้เล็กลง ส่งผล 4 ด้านหลักๆ ได้แก่..

1. ผลกระทบด้านจิตใจต่อพนักงานที่ยังทำงานอยู่
ทำให้พนักงานเสียขวัญกำลังใจ เกิดความไม่มั่นใจต่อความมั่นคงของบริษัท อาจทำให้มีอัตราการลาออกของพนักงานตามมาสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บริษัทอาจมีพนักงานไม่เพียงพอต่อการดำเนินงานได้ อีกทั้งทำให้ความผูกพัน และความภักดีที่มีต่อองค์กรลดน้อยลงอีกด้วย
2. ผลกระทบด้านภาพลักษณ์ของบริษัท
การลดขนาดองค์กรเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สถานะการเงินของบริษัทเริ่มสั่นคลอน ส่งผลเสียต่อ ภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากในการกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา
3. ผลกระทบด้านการจ้างงานเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
การลดจำนวนพนักงานมากจนเกินไป อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการจ้างงานและฝึกอบรมพนักงานมากกว่าเดิม
4. ผลกระทบด้านความพร้อมของบริษัทเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
หากบริษัทของเราชะลอตัวมากเกินไปในช่วงเศรษฐกิจแย่ แต่เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น เราอาจเสียโอกาสในการแข่งขันในตลาด เนื่องจากขาดกำลังคน ขาดกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งหากคู่แข่งมีความพร้อมกว่า อาจสูญเสียรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย

การลดต้นทุนโดยการ ‘ลด’ พนักงาน ช่วยองค์กรอยู่รอดได้จริงหรือ?
จากการสำรวจของสมาคมบริหารทรัพยากรมนุษย์ สหรัฐอเมริกา (SHRM) พบว่า มีเพียง 32% ของกลุ่มตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การปลดพนักงานออกสามารถลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้จริง แต่วิธีการนี้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากองค์กรจะต้องเสียค่าชดเชยการออกจากงาน หรือการจัดการด้านกฎหมายแล้ว องค์กรยังต้องเสี่ยงกับการสูญเสียพนักงานที่มีความสามารถ
ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับสร้างผลกำไรและการเจริญเติบโตของบริษัทในระยะยาว เมื่อวันใดที่เศรษฐกิจฟื้นตัว องค์กรต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกจำนวนมากไปกับการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ เพียงเพื่อให้ได้ผลของงานที่มี ประสิทธิภาพเท่าเดิมเท่านั้น
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องลดขนาดองค์กร อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ..
1. ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อบริหารงานอย่างโปร่งใส และอยู่ในกรอบกฎหมาย
2. ควรมีการวางแผน ปรับโครงสร้างองค์กรเท่าไรจึงจะเหมาะสม ควรมีขั้นตอนและกระบวนการอย่างไร
3. พิจารณาค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เงินชดเชยการเลิกจ้าง ชื่อเสียงของบริษัท ความรู้สึกของพนักงานที่ไม่ถูกเลิกจ้าง ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การจ้างงานคืน ผลผลิตที่ลดลงเนื่องจากสูญเสียแรงงานที่มีฝีมือ เป็นต้น
4. แผนความพร้อมของบริษัทเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
5. ควรมีแนวทางการช่วยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในการหางานใหม่

ทางเลือกอื่นที่สามารถทำได้ ก่อนตัดสินใจ ลดขนาดองค์กร
1. ลดการจ้างงานเพิ่ม แต่เพิ่มศักยภาพด้วยการ Upskill พนักงานที่มีอยู่แทนตำแหน่งงานที่ว่าง
2. ชะลอการขึ้นเงินเดือนหรือปรับลดอัตราเงินเดือนของพนักงานลง
3. ลดเวลาการทำงานลง หรือจำกัดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา เพื่อลดต้นทุนให้เหมาะสมกับปริมาณการผลิต
4. จัดโปรแกรมเกษียณอายุโดยสมัครใจ เป็นการคัดกรองพนักงานที่เต็มใจที่จะไปจากองค์กรและช่วยลดแรงกระเพื่อมภายในองค์กรได้อีกทางหนึ่งด้วย
5. หยุดกิจการชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจ
‘Intangible Resources’ คือ กุญแจสำคัญให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
ขณะที่อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อได้ ไม่ใช้ ‘เงินทุน’ ที่มากพอที่จะช่วยให้บริษัทหลุดพ้นจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้วเงินทุนไม่ได้เป็นคำตอบในการป้องกันการล้มละลายของบริษัทที่ลดขนาดองค์กรเสมอไป แต่ ‘Intangible Resources’ หรือสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แต่สามารถตีราคาให้มีมูลค่าเป็นตัวเงินได้ ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้บริษัทเดินต่อไปข้างหน้าได้ คือการให้ความสำคัญกับ ‘บุคลากร’ ที่ยังอยู่
เพราะคนเหล่านี้มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ซึ่งจะมีบทบาทร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรต่อไป เช่น นำความรู้ความสามารถของพนักงาน มาช่วยกันปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น หรือร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขณะเดียวกันบริษัทหาคู่ค้าธุรกิจ มาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดไป ซึ่งจะทำให้พนักงาน ลดแรงกดดันในการทำงานหลังจากบริษัทลดขนาดธุรกิจลงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า การ Downsize หรือการลดขนาดองค์กรให้เล็กลงนั้นไม่ใช่เรื่องของการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ เรื่องการรักษาภาพลักษณ์บริษัท การรักษาความเหมาะสมให้สอดรับกับกำลังการผลิตของบริษัท และที่สำคัญคือความพร้อมของบริษัทเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลดขนาดองค์กร ผู้ประกอบธุรกิจควรพิจารณาอย่างรอบคอบทุกมิติ ทั้งผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเทียบกับผลกระทบร้ายแรงในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น คุ้มค่าต่อการ Downsizing หรือไม่
สิ่งสำคัญผู้ประกอบธุรกิจควรมุ่งเน้นไปที่ Intangible Resources ซึ่งก็คือบุคลากรที่ยังอยู่ มากกว่าจะมองเรื่องการเงินเพียงอย่างเดียว เพราะหากไม่สามารถรักษาพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถขององค์กรไว้ได้ เท่ากับว่าบริษัทสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าไป ซึ่งอาจนำไปสู่จุดสิ้นสุดของธุรกิจก็เป็นได้
ที่มา :