ก่อนเกิดโรคระบาด เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคือจุดเปลี่ยนทางสังคม ขณะที่เจอการระบาดของโควิด 19 ทำให้เรายิ่งเชื่อมั่นในด้านเทคโนโลยีและวิทยาการทางด้านการแพทย์ ที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของเราให้ดีขึ้น เพราะนี่คือโลกที่ถูกเร่งเร้าและขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เมื่อถึงจุดที่กำลังคุกคามความเป็นปัจเจกของมนุษย์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในเรื่อง Ghost in the Shell
หรือแปลแบบกำปั้นทุบดินว่า ‘ผีในเปลือก’ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ในปี
2017 ที่มีต้นกำเนิดมาจากอนิเมชัน Kôkaku Kidôtai จากมังงะของ
‘ชิโระ มาซามูเนะ’ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี
1989 จากนั้นต่อมาถูกสร้างเป็นอนิเมชั่น 2 ภาค ที่ชื่อว่า Ghost in the
Shell และ Ghost in the Shell 2 : Innocence
ในปี 2004
สำหรับคนที่ไม่เคยเป็นแฟนมังงะหรืออนิเมะ
ต้องบอกก่อนว่า Ghost in the Shell คืองานขึ้นหิ้งของญี่ปุ่นที่แฝงไปด้วยปรัชญาที่ล้ำลึก
แต่สำหรับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็มีสีสันต์ขึ้นมาก จากการได้สาวสุดเซ็กซี่อย่าง Scarlett
Johansson มารับบทเป็น ‘ผู้พันมีร่า คิลเลี่ยน’
ตัวเอกของเรื่องที่เป็น ‘สาวไซบอร์ก หลังจากประสบอุบัติเหตุร้ายแรง
ร่างกายทุกส่วนของเธอจึงเป็นจักรกลทั้งหมด ยกเว้นแต่สมองเท่านั้นที่ยังเป็นของเธอ
ซึ่งร่างเธอได้ถูกปรับแต่งด้วยไซเบอร์จนกลายเป็นทหารที่สมบูรณ์แบบ ผู้อุทิศตนให้กับการหยุดยั้งอาชญากรในหน่วยรักษาความสงบ
Section 9 จนนำไปสู่การสืบสาวประวัติก่อนหน้าที่จะมาเป็นเธอ
...และเธอเคยเป็นใครมาก่อน
‘ผู้พันมีร่า คิลเลี่ยน’ หรือมาโตโก๊ะ เป็นไซบอร์กที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยบริษัทแฮงก้า มีร่างกายทั้งหมดเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์
แต่มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังเป็นของคน
จะว่าไป หนังเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องทั่วๆ
ไป ตัวเอกปราบเหล่าร้าย สืบสวนสอบสวน แอ็คชั่น และหักมุมเล็กๆ
แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้กลับเป็นวิทยาการอันล้ำสมัยของโลกในอนาคต
คือการปลูกถ่ายจิตมนุษย์กับหุ่นยนต์ และปรัชญาจิตวิทยาเกี่ยวกับจิตและกาย
ในวันที่วิทยาการเทคโนโลยีก้าวล้ำจนสามารถถ่ายทอดความคิด ข้อมูล ความทรงจำ
สู่กายที่เป็นจักรกลได้
จุดเริ่มต้นของจิตคงอยู่เป็นอมตะในร่างซึ่งซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด
กล่าวได้ว่า Ghost in the Shell ไปไกลจากทุกวันนี้มาก โลกที่มนุษย์สามารถปลูกถ่ายอวัยวะด้วยการปรับแต่ง
หรือรักษาด้วยวิทยาการขึ้นสูง ตั้งแต่การมองเห็นอย่างคมชัด
จนถึงการสื่อสารผ่านโทรจิต จนถึงเทคโนโลยีการปลูกถ่ายจิตวิญญาณมนุษย์สู่หุ่นยนต์ AI
ขั้นสูง
อนาคตที่เทคโนโลยีก้าวล้ำถึงขนาดสร้างอวัยวะเทียมเพื่อใช้ในการแพทย์
ดัดแปลงร่างกายบางส่วนของมนุษย์ที่เสียหายให้เป็นไซบอร์ก
หรือแม้กระทั่งสร้างแอนดรอยด์ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ซึ่งในภาพยนตร์ได้ระบุว่าความสำเร็จที่การผสานระหว่างหุ่นยนต์และจิตวิญญาณมนุษย์ครั้งแรก
คือในช่วงปี 2029- 2032 หรืออีกประมาณ 10 กว่าปีข้างหน้า
จุดเริ่มต้นที่วิทยาการของมนุษย์และหุ่นยนต์ได้ผสมกลมเกลียวเป็นเนื้อเดียวกัน
รวมถึงโลกที่ Cyber Security มีบทบาทสำคัญ และข้อมูลคือ ‘สิ่งล้ำค่า’ ทำให้การแฮคข้อมูลกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงชนิดก้าวกระโดดครั้งใหญ่
จากเดิมที่การโจรกรรมข้อมูลถูกใช้กับอุปกรณ์ไอที ขณะที่ยุคนี้ภัยร้ายแรงคือการ ‘โจรกรรมข้อมูลในสมอง’
สำหรับแฟนพันธุ์แท้ทั้งมังงะ และอนิเมะ
อาจจะมีกลิ่นของปรัชญาอยู่อย่างเข้มข้นตามสไลต์ของสื่อบันเทิงญี่ปุ่น
แต่สำหรับในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ซึ่งแน่ใจว่าหลายๆ
คนดูแล้วแต่ยังแอบงงอยู่บ้างว่าตกลงแก่นของเรื่องนี้จะสื่ออะไร อาทิเช่น
- วิทยาการจะก้าวล้ำไปแค่ไหน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่มนุษย์ต้องการคือตัวตนที่แท้จริง
- ความแตกต่างทางความคิดทำให้มองเรื่องการพัฒนาทางเทคโนโลยีต่างกัน
บางคนพยายามรักษาความเป็นมนุษย์ให้นานที่สุด บางคนปรับตัว
และบางคนวิทยาการจำเป็นต่อชีวิต และความสงบของสังคม
- บางสิ่งเป็นได้เพียงสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังของซากแห่งการพัฒนาสู่ยุคใหม่
- มนุษย์ สังคม คุณธรรม วิทยาการ
ความเจริญที่ต้องเติบโตควบคู่กัน
- วิทยาการที่ล่ำสมัยจะเป็นกุญแจสู่ทางรอดของมนุษย์ในอนาคต
คุณชอบแนวคิดแบบไหน??? และคิดว่าอะไรรออยู่ในอนาคต
แหล่งอ้างอิง : https://en.wikipedia.org/wiki/Ghost_in_the_Shell_(2017_film)