‘สุนัข’ หรือคนสมัยนี้เรียก ‘น้องหมา’
เป็นเหมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว ไม่ได้เลี้ยงเพื่อใช้ประโยชน์เหมือนในอดีต
แต่ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นที่คนรักสุนัขต้องชอบใจแน่ คือมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งจากประเทศฟินแลนด์
ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวเลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์ พบว่า
31% ของเด็กที่โตมากับน้องหมา
มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพแข็งแรงมากกว่ากลุ่มที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง เด็ก 44% จากครอบครัวเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มติดเชื้อในหูน้อยกว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์
และ 29% ของเด็กจากครอบครัวเลี้ยงสัตว์มีแนวโน้มที่จะได้รับการติดเชื้อของแบคทีเรีย
เชื้อโรคต่างๆ น้อยกว่าเด็กที่บ้านไม่ได้เลี้ยงสัตว์
แม้ว่างานวิจัยนั้นจะไม่ได้ระบุว่าการเลี้ยงสัตว์ในครอบครัวจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงเต็ม
100% ก็ตาม แต่จากข้อมูลงานวิจัยก็บ่งชี้ว่าสุขภาพเด็กเกี่ยวโยงกับพฤติกรรมการเลี้ยงสุนัข
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐฯ ที่ทำการสำรวจผู้สูงอายุทั้งชาย-หญิงยังพบว่า ผู้สูงอายุกว่า 90% รู้สึกว่าการเลี้ยงสัตว์ทำให้พวกเขามีความสุขในชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงยังมีประโยชน์ที่เอื้อต่อจิตใจมนุษย์อีกหลายแง่มุมกับคนทุกกลุ่มวัย แค่เพียงได้กลับบ้านมาเจอกับสัตว์เลี้ยงแสนรักโดยเฉพาะสุนัข ก็สามารถทำให้เกิดคุณประโยชน์ต่อตัวเจ้าของได้ดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ลดความตึงเครียดและช่วยรักษาสภาวะซึมเศร้า
จากวิถีชีวิตของคนเมืองที่เปลี่ยนไปต้องออกจากบ้านไปทำงานอยู่ต่างถิ่นต่างแดน
ห่างจากครอบครัว คนรัก แต่ละวันทำงานมีแต่เรื่องให้ต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทาย
จนทำให้จิตใจเหนื่อยล้า ซึมเศร้า หงอยเหงา การมีสัตว์เลี้ยงมาคลอเคลียหรือเป็นเพื่อนเล่น
จะทำให้จิตใจเบิกบานหายจากอาการเหนื่อยล้าได้เป็นปลิดทิ้ง โดย Rebecca A. Johnson ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์
มหาวิทยาลัยมิสซูรี ได้กล่าวว่า เพียงแค่มองสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา ฯลฯ สมองจะหลั่งสารออกซิโทซิน
ทำให้มีความสุขและลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียดลงไป ทำให้เกิดการผ่อนคลาย
เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้
ช่วยให้เข้าสังคมได้ง่ายขึ้น
ในกรณีที่เป็นคนชอบเก็บตัวไม่ชอบออกสังคม
ขาดความมั่นใจ หรือมีปัญหาในการเข้าสังคม
การมีสัตว์เลี้ยงข้างกายเป็นเสมือนแหล่งพึ่งพิงทางสังคม
ที่ช่วยลดอารมณ์การแสดงออกที่ก้าวร้าวและทำให้เพิ่มความมั่นใจ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้
ซึ่ง Deborah L. Wells จาก Queen’s University ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมจากคนแปลกหน้ากว่า 1,800
คนที่มีต่อกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 6 แบบ คือผู้หญิงที่มากับลูกหมาลาบราดอร์,
ผู้หญิงกับลาบราดอร์โตเต็มวัย, ผู้หญิงกับร็อตไวเลอร์เต็มวัย, ผู้หญิงกับเท็ดดี้แบร์
,ผู้หญิงถือกระถางต้นไม้ และผู้หญิงที่มาตัวเปล่า ผลปรากฏว่า
ผู้หญิงที่มาตัวเปล่าจะถูกเมินมากกว่าผู้หญิงที่ถือเท็ดดี้แบร์กับกระถางต้นไม้
ขณะเดียวกันผู้หญิงนั้นจะได้รับความสนใจมากขึ้น ถ้าพวกเธอมาพร้อมกับสุนัขต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างสุนัขที่ดูเป็นมิตรอย่างลาบราดอร์
จะทำให้ผู้หญิงกลุ่มนี้ได้รับรอยยิ้มและการตอบสนองด้วยคำพูดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากทุกๆ
สาเหตุลดลง 24%
ดร.แคโรไลน์ เครเมอร์ (Caroline Kramer) นักวิจัยจาก University of
Toronto ได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นใหม่ชื่อว่า “Dog Ownership
and Survival: A Systematic Review and Meta-Analysis” ลงในนิตยสาร Circulation
นิตยสารของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน
ซึ่งระบุว่าผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัขมีโอกาสเสียชีวิตจากทุกๆ สาเหตุน้อยกว่าคนทั่วไป
จากการวิเคราะห์พบว่าการมีสุนัขช่วยปกป้องจากการตายในทุกสาเหตุ
และเชื่อมโยงกับการลดลงของการตายจากทุกสาเหตุถึง 24%
โดยนักวิจัยคาดว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้
เพราะคนที่มีสัตว์เลี้ยงมักมีสุขภาพจิตดีกว่า
รวมถึงมีวิถีชีวิตประจำวันที่แอคทีฟกว่าด้วย
สามารถชี้ให้เห็นถึงการเกิดขึ้นของโรคได้
มีงานวิจัยหลายงานช่วยสนับสนุนว่าการมีสัตว์เลี้ยงเป็นสุนัขนั้น
สามารถระบุหรือช่วยตรวจโรคในร่างกายของมนุษย์ที่เป็นเจ้าของได้ อาทิเช่น
โรคเบาหวาน ที่สุนัขสามารถรับรู้ถึงระดับน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนไปของเจ้าของได้
จากการดมกลิ่นที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสุนัขจะรับรู้ได้ทันที และจะรีบเห่าเตือน
แม้ในขณะที่ตัวผู้ป่วยกำลังนอนหลับอยู่ก็ตาม และยังมีรายงานระบุว่า
สุนัขบางตัวสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยที่กำลังจะเกิดอาการลมชักได้ก่อนที่ผู้ป่วยลมชักจะแสดงอาการออกมา
หากยิ่งได้รับการฝึกฝนสุนัขก็จะช่วยเตือนผู้ป่วยก่อนจะแสดงอาการออกมาได้ 15-45
นาที
จึงช่วยให้ผู้ป่วยหลายคนปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นตามมาในช่วงที่เกิดลมชักได้
นอกจากนี้สุนัขยังมีความสามารถในการตรวจพบมะเร็งบางชนิดในมนุษย์ เช่น มะเร็งเต้านม
มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
จากการรับรู้ถึงกลิ่นที่เกิดจากระดับสาร Volatile
organic compounds ที่เซลล์มะเร็งสร้างขึ้นในอวัยวะนั้นๆ
บำบัดพฤติกรรมและฟื้นฟูจิตใจในผู้ป่วยได้
การนำสัตว์เลี้ยงมาช่วยบำบัดจิตใจในผู้ป่วยรายที่ป่วยหนัก
ได้รับการยอมรับมาเนิ่นนานแล้วว่าสามารถช่วยเยียวยาจิตใจ คลายความเครียด
ความกังวลใจในผู้ป่วยได้
ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกามีการให้บริการสัตว์เลี้ยงบำบัดมากกว่า 50,000 ตัว
และบริการนี้กำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ ตั้งแต่ประเทศนอร์เวย์ไปจนถึงบราซิล
บริการสัตว์เลี้ยงบำบัด อาทิเช่น สุนัข จะให้สุนัขทำหน้าที่เยียวยาผู้ป่วย โดยสุนัขนั้นต้องเข้ารับการฝึกฝนและมีใบรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ
ก่อนที่จะส่งพวกมันไปยังโรงพยาบาลหรือตามศูนย์ต่างๆ
ซึ่งขั้นตอนการบำบัดด้วยสุนัขส่วนใหญ่ เป็นการกระตุ้นจิตใจกับพฤติกรรมให้ผู้ป่วยคลายความตึงเครียด
กระตุ้นให้ผู้ป่วยอยากลูบอยากเล่นกับสุนัข
โดยผู้ป่วยเด็กและคนชราจะเห็นผลความแตกต่างได้ชัดเจนกว่าผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่
ซึ่งผลลัพธ์จากการบำบัดนั้นพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
มีกำลังใจดีขึ้น มีความร่าเริง มากยิ่งขึ้น
เรียกว่ายกงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยระดับโลกมาอ้างอิงกันเลยทีเดียว
เชื่อหรือยังว่าการเลี้ยงน้องหมาไม่ได้เฉพาะแค่คลายเหงา หรือความเพลิดเพลิน
ยังมีข้อดีอีกมากมาย
แหล่งอ้างอิง