‘ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ หรือ ‘อาเซียน’ เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยจากข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) พบว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในอาเซียนแตะระดับ 5.5% ในปี 2565
ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) คาดการณ์การเติบโตทั่วโลกอยู่ที่ 3.2% ในปี 2565 และ 2.7% ในปี 2566 หมายความว่าอาเซียนยังคงถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอย่างมาก ดังนั้นจึงมี 3 อุตสาหกรรมในอาเซียนที่น่าจับตามองในปี 2566 ดังนี้
1.การผลิต
ภาคการผลิตนับเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจภูมิภาค โดยในบางประเทศมีการพึ่งพาภาคการผลิตอย่างชัดเจน เช่น ในเวียดนามมีภาคการผลิตเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจของประเทศ หรือในไทยมีภาคการผลิตคิดเป็น 27% ของ GDP ในปี 2564 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี มีเหตุผลหลายข้อที่ทำให้เชื่อว่าเงินทุนไหลเข้าภาคการผลิตในภูมิภาคนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2566 คือ สินค้าที่ผลิตในอาเซียนส่วนใหญ่ประหยัดต้นทุนกว่าสินค้าที่ผลิตในจีน โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เรื่องต้นทุนแรงงาน ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนย้ายเข้าสู่อาเซียนมากขึ้น
นอกจากต้นทุนแรงงานที่ถูกกว่าแล้ว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังบีบให้ผู้ผลิตที่มีฐานการผลิตในจีนหลายรายต้องย้ายห่วงโซ่อุปทานบางส่วนออกมา และในบางกรณี ก็ย้ายห่วงโซ่ทั้งหมดไปยังอาเซียน
2.การท่องเที่ยว
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ภาคการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับความท้าทายทั่วทั้งอาเซียน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจหลายประเทศในภูมิภาค และยังเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อความร่วมมือของอาเซียนตั้งแต่มีการก่อตั้งสมาคม
สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในอาเซียน โดยรองรับนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนในปี 2562 และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เริ่มเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปี 2564 ผ่านโครงการ Phuket Sandbox
ปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากจีนกลับมาเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศต่างๆ ในอาเซียนยังได้พัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติมด้วย เช่น โครงการวีซ่า Digital Nomad ของมาเลเซีย และโครงการวีซ่าบ้านหลังที่ 2 ของอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งอินโดนีเซียตั้งเป้าว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 7.4 ล้านคนในปี 2566 นี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของปีก่อนหน้า
3.เศรษฐกิจดิจิทัล
จากรายงานของ Google, Temasek และ Bain & Company คาดว่าเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน 6 (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม) จะมีมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด (Gross Merchandise Value: GMV) สูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2565 และคาดว่าจะสูงถึง 3.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568
ทั้งนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านบัญชี และสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีก็เติบโตอย่างโดดเด่นในอาเซียน โดยจากรายงานล่าสุดของ UNCTAD พบว่าจำนวนสตาร์ทอัพในอาเซียนที่ระดมทุนได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเป็น 1,920 บริษัท ในช่วงระหว่างปี 2558-2564 ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าในยุโรปถึง 85% และโตเร็วกว่าในสหรัฐอเมริกาถึง 65%
ที่มา: Industries to Watch Out for Growth in Southeast Asia in 2023, James Fox, ASEAN Briefing
เรียบเรียงโดย ณภัสสร มีไผ่แก้ว