สภาธุรกิจไทย-อินเดีย แนะนำนักลงทุนไทยให้เข้าไปคว้าโอกาสในตลาดระดับบนหรือตลาดไฮเอนด์ของอินเดีย โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หรือที่เรียกกันว่า ‘รัฐ 7 สาวน้อย’
นางสาวปริม จิตจรุงพร ประธานสภาธุรกิจไทย-อินเดีย พยายามสนับสนุนให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนและคว้าโอกาสจากอุปสงค์ของตลาดไฮเอนด์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งเศรษฐกิจของอินเดียในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งเป้าจะเติบโตที่ 7% ในปีนี้ รวมถึงยังมีข้อได้เปรียบจากการที่มีประชากรวัยทำงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่ตลาดไฮเอนท์ของอินเดีย ที่มีกลุ่มประชากรประมาณ 300-400 ล้านคน กำลังเป็นตลาดที่มีอำนาจซื้อมากและมีความต้องการสินค้าพรีเมียมประเภทเครื่องประดับ อัญมณี เพชร และสินค้ามีแบรนด์ต่างๆ
สำหรับอินเดียนับเป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งกับไทยเพราะให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมเหมือนกัน อย่างไรก็ดี อินเดียมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ทำให้เป็นตลาดที่มีความเฉพาะตัว ดังนั้นการลงทุนหรือการค้าใดๆ จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และจากการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลอินเดีย ทำให้มีบริษัทไทยหลายแห่งเข้าไปลงทุนในประเทศบ้างแล้ว เช่น CPF, Summit Auto Parts, Italthai, SCG และ Srithai Superware เป็นต้น
‘รัฐ 7 สาวน้อย’ หรือพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ได้กลายเป็นตลาดที่สุกงอมพร้อมสำหรับการลงทุน โดยในภูมิภาคดังกล่าวประกอบด้วย 7 รัฐสำคัญ ได้แก่ รัฐอรุณาจัล รัฐนากาแลนด์ รัฐมณีปุระ รัฐมิโซรัม รัฐตริปุระ รัฐอัสสัม และรัฐเมฆกัลยา โดยมีรัฐอัสสัมเป็นจุดศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการขนส่ง
โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้หารือกับภาคเอกชนว่า ธุรกิจจะเข้าไปลงทุนและสร้างพื้นที่ด้านการลงทุนและการค้าที่สำคัญในภูมิภาคนั้นได้อย่างไร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนับว่ามีความได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะจะใช้เวลาขนส่งสินค้าทางบกจากไทยได้ในเวลาไม่เกิน 2 วัน และใกล้กว่ากรุงนิวเดลี ซึ่งเป็นเมืองหลวง นอกจากนี้ ผู้คนในภูมิภาคนี้ยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนไทยและยังชื่นชอบในสินค้าไทยอีกด้วย
ขณะที่ โอกาสการลงทุนในอินเดียจะมี 3 ภาคอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ภาคอาหารแปรรูป ภาคอัญมณีและเครื่องประดับ และภาคอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ ประธานสภาฯ ยังแนะนำอีกว่า ผู้ประกอบการไทยที่สนใจลงทุนในอินเดียควรหลีกเลี่ยงการมองชาวอินเดียแบบเหมารวมในแบบเดิม ๆ เพราะปัจจุบันชาวอินเดียมีอำนาจซื้อที่เพิ่มมากขึ้น และผู้ประกอบการควรศึกษากฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ และวัฒนธรรมของอินเดียอย่างละเอียดรอบคอบด้วย
ขณะที่ นางสาวสุจิรา ปานจนะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลีแนะนำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการไทยควรสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าในท้องถิ่น เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน และจะช่วยให้เข้าใจตลาดท้องถิ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวอินเดียได้ดีมากขึ้น
สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองของอินเดียค่อนข้างมีเสถียรภาพและรัฐบาลก็มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนขณะที่อินเดียมีการสนับสนุนเศรษฐกิจแบบโลกหลายขั้วและยังมีความเป็นกลาง ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ท่ามกลางความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ที่มา:
- India’s ‘Seven Sister States’ Ripe for Investment, The Nation
- รัฐ 7 สาวน้อย...ช่องทางการค้าใหม่ของไทยในอินเดีย, รอบรู้เศรษฐกิจ ตามติดตลาดโลก, DITP
ผู้เรียบเรียง: ณภัสสร มีไผ่แก้ว