Smart Farming คือการทำเกษตรยุคใหม่
ที่เน้นใช้เทคโนโลยี องค์ความรู้ และการจัดการ วางแผนและควบคุมคุณภาพการผลิตได้อย่างแม่นยำ
หรือจะเรียกว่า Precision Farming หรือการทำการเกษตรที่มีความแม่นยำสูง
เน้นการพัฒนาเกษตรกรรม 4 ด้าน คือ
1. ลดต้นทุนการผลิต
2. เพิ่มคุณภาพมาตรฐานการผลิตและสินค้า
3. การลดความเสี่ยงในภาคเกษตร
ซึ่งเกิดจากการระบาดของศัตรูพืชและจากภัยธรรมชาติ และ
4. การจัดการและส่งผ่านความรู้ และอาจจะต้องรวมไปถึงการเข้าใจสภาพตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น
แต่ทราบหรือไม่ว่าประเด็นท้าทายใหม่ของวงการเกษตรและปศุสัตว์มาจากเรื่อง
‘โลกร้อน’
โดยในปี 2562
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (IPCC)
ได้มีการเผยแพร่รายงานที่ศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ 107 คน
ในการประชุมที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากที่ดินและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า ‘การบริโภคเนื้อสัตว์’ และ ‘ผลิตภัณฑ์จากสัตว์’
ในประเทศตะวันตกที่มีปริมาณสูงมาก
เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
ความหมายคือ
กิจกรรมปศุสัตว์ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนั่นเอง ทั้งระบุด้วยว่า
การทำเกษตรของมนุษย์ปล่อยก๊าซมีเทนกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณทั้งหมด ส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงปศุสัตว์และการปลูกข้าว
- โดย 26 %
ของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมาจากอาหาร
- 58 %
ของก๊าซเรือนกระจกจากอาหารที่เรากินมาจากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์
- 50 % ของปศุสัตว์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจาก คือ ฟาร์มวัวและแกะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
วงการเกษตรทำโลกร้อนขึ้น???
ด้วยเหตุนี้ช่วงที่ผ่านมา วงการอาหารทั่วโลกจึงเกิดกระแส
‘เนื้อจากพืช’
ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาเอาพืชมาผลิตเพื่อทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์
และมีสร้างค่านิยมในการตะหนักรู้ ถึงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน
จนรวมไปถึงกระแสการบริโภคมังสะวิรัติ หรือวีแกน ในต่างประเทศ
อาทิในอเมริกาและยุโรป เป็นตลาดใหญ่ของอาหารวีแกนเป็นต้น
ดังนั้นกล่าวได้ว่าแหล่งอาหารที่มาจาก ‘พืช’ อาจจะเป็นความยั่งยืนด้านอาหารของโลกได้อย่างแท้จริง
แต่กระนั้นก็ยังมีประเด็นในเรื่องของการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้คุ้มค่า
เพราะต้องไม่ลืมว่า การทำเกษตรแปลงใหญ่ที่ให้ผลผลิตต่อครั้งจำนวนมาก ย่อมส่งผลต่อภาวะโลกร้อนด้วยเช่นกัน
ปลูกพืชไร้ดิน ช่วยโลกไม่ให้ร้อนขึ้นได้
ข้อมูลจากรายงานในต่างประเทศระบุว่า
การปลูกข้าวก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นเช่นด้วย เนื่องจากมีการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นแนวคิดการทำเกษตรแบบแม่นยำแยะยั่งยืน โดยการใช้วิธี
CEA หรือ ‘ปลูกพืชไร้ดิน’ วิธีการปลูกพืชภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม (Controlled
environment agriculture : CEA) เพื่อดัดแปลงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
CEA เป็นแนวทางที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตอาหาร
การผลิตเกิดขึ้นภายในโครงสร้างการเติบโตที่ปิดล้อม เช่น เรือนกระจกหรืออาคาร โดยตัวเลือกที่ทำงานได้มากขึ้นคือ
การทำ ‘ฟาร์มแนวตั้ง’ เทคนิคในการทำฟาร์มแนวตั้งมีความสามารถในการผลิตพืชตลอดทั้งปีในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม
โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มผลผลิตโดยการปรับปริมาณคาร์บอนและสารอาหารที่พืชได้รับ
ซึ่งการทำเกษตรแบบ CEA มีประโยชน์อย่างมากต่อการทำฟาร์มแนวตั้งในเมืองใหญ่
หรือมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ หรือจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่วางเปล่าเช่น ตึกร้างที่ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ก็สามารถเปลี่ยนเป็นแปลงผักได้
ตัวอย่างที่คนไทยคุ้นเคย อาทิ การปลูกแบบ
Hydroponics หรือเทคนิคการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช
เป็นระบบการปลูกที่สะอาด และใช้ทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปลูกพืชไร้ดินที่นิยมใช้ในการผลิตผัก โดยพืชผักที่ปลูกด้วยระบบเหล่านี้มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
และควบคุมคุณภาพได้
ขณะที่วงการพืชไร่ อาทิในอังกฤษมีการใช้เทคนิคแบบใหม่โดยไม่ต้องเตรียมหน้าดินด้วยการไถพรวน
(no-trill
farming) แต่ทำหลุมในดินเพื่อใส่เมล็ดพันธุ์แทน
วิธีนี้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตพืชได้เกือบหนึ่งในสาม และยังช่วยเพิ่มปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในดินด้วย
ถึงกระนั้นต้องไม่ลืมว่า ‘แหล่งพลังงาน’
ในโรงเรือนแบบปิดก็อาจเป็นตัวการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้เช่นกัน อาทิ
การใช้ไฟปลูกพืชภายในโรงเรือน ทดแทนแสงจากดวงอาทิตย์
ทั้งนี้ จากข้อมูล Reports
And Data ประเมินไว้ว่า ตลาด Precision Farming จะเติบโตในอัตรา 12.7% ต่อปี จาก 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีผ่านมา
เป็น 14.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2026 โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการนำเทคโนโลยี
IoT เข้ามาใช้งานในภาคเกษตรมากขึ้น และเกษตรกรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ง่ายและเข้าถึงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นในบทความนี้เราคงไม่ได้จะบอกว่าการทำ
Precision
Farming จำเป็นต่อเกษตรทุกกลุ่ม แต่ก็อาจช่วยให้โลกร้อนน้อยลง
และที่สำคัญนี่เป็นอีกทางเลือกของการทำเกษตรสมัยใหม่ ที่หากคุณมีต้นทุน มีความรู้
และมีความเข้าใจด้านนี้หรือสนใจอย่างจริงจัง ตลาดนี้แนวโน้มยังไปได้ไกลมาก แถมขายได้แพงกว่าผักปกติอีกด้วย