เกษตร EEC
เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern
Economic Corridor (EEC) เพื่อให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่
ยกระดับการพัฒนาประเทศไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ในพื้นที่นำร่องเป้าหมาย 3 จังหวัด
ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ตามนโยบายการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนและเป็นเมืองที่น่าอยู่
พร้อมทั้งลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
หรือ S-Curve ภายใต้แผนปฏิบัติการการเกษตร ชลประทาน
และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญ ในส่วนของภาคการเกษตรในพื้นที่ EEC มีการตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 3 ด้าน คือ
1. การพัฒนาศักยภาพเกษตรกร
2. การจัดการด้านพื้นที่ทำกิน
3. การพัฒนาและแปรรูปสินค้า
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนตั้งแต่ภาคการผลิต
เช่น การนำ Sensors มาใช้วัดคุณภาพดิน
วัดปริมาณน้ำ การใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูงและระบบอัตโนมัติ
การลงทุนและการวิจัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ อุตสาหกรรมการคัดคุณภาพ บรรจุ
เก็บรักษาพืชผัก ผลไม้ หรือดอกไม้ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น
การใช้ระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบเนื้อในผลไม้
จากสถิติในปี พ.ศ.2559 พบว่า
ในพื้นที่เกษตร EEC
นั้นมีมูลค่าที่เกิดจากสินค้าเกษตรสำคัญทั้งด้านการเพาะปลูก การประมง ปศุสัตว์ และการแปรรูปสินค้าเกษตรเกิดขึ้นรวมกว่า 4.7 แสนล้านบาท โดยจังหวัดฉะเชิงเทรา มีมูลค่าสินค้าเกษตรที่สำคัญ
429,938.44 ล้านบาท จังหวัดชลบุรี มีมูลค่าสินค้าเกษตรที่สำคัญ 25,449.77 ล้านบาท
และจังหวัดระยอง มีมูลค่าสินค้าเกษตรที่สำคัญ 19,483.84
ล้านบาท
ดังนั้นการที่ภาครัฐเข้ามาผลักแผนพัฒนาเกษตรใน EEC จึงเป็นการยกระดับรายได้เกษตรกรไปจนถึงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนธุรกิจภาคการเกษตร
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มการประมงและคลัสเตอร์ผลไม้
ตามมาตรการหลัก ดังนี้
1. ใช้ความต้องการนำการผลิต :
ประเมินความต้องการในประเทศเพื่อรองรับมหานครการบินภาคตะวันออก เมืองใหม่
และการท่องเที่ยว รวมทั้งประเมินความต้องการในต่างประเทศ ซึ่งจะสำรวจตลาดหาความต้องการเอเชีย
CLMV และยุโรป ที่มีความต้องการสูง
และสร้างความต้องการด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่
2. ยกระดับการตลาด-การแปรรูป : ด้วยเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน
โดยสร้างตลาดด้วยกลไก E-Commerce E-Auction ขายไปทั่วโลก
รวมทั้งเชื่อมระบบโลจิสติกส์ตั้งแต่ส่งออก-ขายในประเทศ-จนถึงการรวมสินค้าระดับฟาร์ม
ให้สะดวกระดับสากล รวมทั้งแปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
ได้สินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับโลก โดยเก็บรักษาผลไม้ อาหารทะเล ด้วยระบบห้องเย็น
พร้อมปรับกระบวนการในฟาร์มให้ผลิตสินค้าตรงกับตลาด
และสร้างงานวิจัยเชิงด้านเทคโนยีที่ใช้งานได้จริงตรงกับความต้องการในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่ หีบห่อ การแปรรูป การปลูก การควบคุมความเสี่ยงจากภูมิอากาศ
และจัดกลุ่มเกษตรกรจัดทำโซนนิ่ง เพื่อสะดวกในการเสริมสร้างความรู้ใหม่
การตลาด-การผลิต-การเงิน
3. ให้ความสำคัญกับ 5 คลัสเตอร์ที่มีพื้นฐานทำได้ทันที : ใน 5 กลุ่มคลัสเตอร์
ได้แก่
- คลัสเตอร์ผลไม้
เน้นคุณภาพสินค้าสู่ตลาดโลก Premium
- คลัสเตอร์ประมง เพิ่มมูลค่า
สร้างอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต
- คลัสเตอร์พืชสำหรับ Bio-based Product สร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมชีวภาพ
- คลัสเตอร์พืชสมุนไพรต่อยอดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและสร้างเศรษฐกิจฐานชีวภาพ
- คลัสเตอร์ High Valued Crops จะปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกสู่พืชมูลค่าสูง
เช่น ไม้ประดับ ผักปลอดสารพิษ และการเลี้ยงโคขุน
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีต่อจากนี้
จะมีความต้องการด้านผลไม้เมืองร้อนและประมงในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งที่ประเทศจีนและตลาดเกิดใหม่
เช่น ตะวันออกกลางที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ในขณะที่การส่งออกผลไม้ของไทยในช่วงปี 2553-2559 ไทยส่งออกไปจีนมากที่สุด รองลงมาคือ
เวียดนาม ซึ่งสินค้าสำคัญที่ส่งออก เช่น ทุเรียนสด ลำไยสด มะม่วงสด และการใช้ EEC มาเป็นต้นแบบจะทำให้เกิดการพลิกภาพลักษณ์ของภาคการเกษตรให้ดูทันสมัย
จัดเป็นโอกาสอันที่ที่จะได้พัฒนาภาคการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มแบบเขตเกษตรเศรษฐกิจ
เพื่อกำหนดพื้นที่ผลิตสินค้าเกษตรตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และตามความต้องการวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม.
แผนพัฒนาการเกษตร/ประมงในอีอีซี
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ
จะตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในอีอีซี โดยมี นายอนันต์ สุวรรณรัตน์
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เลขาธิการ
สศก.และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)
เป็นคณะทำงานและเลขานุการร่วม
คณะทำงานชุดนี้จะจัดทำแผนงานโครงการด้านการเกษตรตั้งแต่ต้นทาง
กลางทาง และปลายทางให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอีอีซี
และเป็นแผนงานที่สามารถรองรับต่อสถานการณ์หลังโควิดในรูปแบบนิวนอร์มอล
รวมถึงจะมีการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติ (Big Data) ของศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ National
Agricultural Big data Center (NABC) ด้วย
ทั้งนี้การใช้อีอีซีเป็นต้นแบบเพื่อปรับการทำเกษตรในรูปแบบทันสมัย
จะเป็นโอกาสพัฒนาภาคการเกษตร
โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรด้วยการจัดทำเขตเกษตรเศรษฐกิจ (โซนนิ่ง)
เพื่อกำหนดพื้นที่ผลิตสินค้าเกษตรตามความเหมาะสม
และสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และตามความต้องการวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม
การดำเนินการต้องบริหารจัดการน้ำรองรับความต้องการอุปโภคบริโภค
การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริการและการท่องเที่ยวอย่างสมดุล
ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มตัวอย่างด้านการเกษตรของประเทศที่ยกระดับให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง
พร้อมทั้งเกิดประโยชน์กับภาคประชาชนในอีอีซีและจังหวัดใกล้เคียง
ทั้งนี้การพัฒนาคลัสเตอร์ผลไม้และประมงควรเป็นกลุ่มแรกที่ควรขับเคลื่อนในช่วง 5
ปีนี้ เพราะความต้องการในตลาดโลกต้องการผลไม้เมืองร้อนเพิ่มต่อเนื่องทั้งจีนและตลาดเกิดใหม่
เช่น ตะวันออกกลางที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ คลัสเตอร์ผลไม้มีความเสี่ยงต่อทุเรียนล้นตลาด
เพราะการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนใน 5
ปีที่ผ่านมา มีมากกว่า 2 แสนไร่ อาจทำให้ทุเรียนล้นตลาด 3-4 แสนตันต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า
ดังนั้นการจัดการผลผลิตทุเรียนควรขยายทั้งตลาดแมสและตลาดนีชมาร์เก็ตในประเทศที่เคยบริโภค
แล้วพัฒนาแพ็คเกจให้รักษาผลไม้ได้นาน และขยายการส่งออกไปประเทศที่ไม่เคยนำเข้าผลสด
เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และพัฒนาให้เป็น Bio-Components และ Bio-based Products โดยใช้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ
สำหรับคลัสเตอร์ประมง
พบว่าการบริโภคและการค้าในสินค้าอาหารทะเลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
โดยการจับสัตว์ทะเลในทะเลน้าลึกมีข้อจำกัดมากขึ้น
ขณะที่การเพาะเลี้ยงชายฝั่งมีแนวโน้มขยายตัว
เพื่อเติมเต็มความต้องการในอาหารทะเลของโลก และไทยส่งออกอาหารทะเลเป็นหลัก
โดยมีมูลค่าส่งออกกุ้งเพาะเลี้ยงมากกว่า 6
หมื่นล้านบาทต่อปี และมีตลาดหลักคือ สหรัฐ ญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังเป็นผู้ส่งออกทูน่าอันดับ1 ของโลกด้วย
ดังนั้นการพัฒนาคลัสเตอร์ประมงควรเน้นเพิ่มผลผลิตเพื่อรองรับความต้องการบริโภคในอีอีซีที่เพิ่มขึ้น
คาดว่าเพิ่มขึ้น 49.6%
หรือความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น 67,163 ตันต่อปี
พัฒนาผลผลิตการประมงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อมุ่งสร้างและเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผลผลิตประมงอัจฉริยะ
สร้างศักยภาพการผลิตที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แหล่งอ้างอิง
http://www.onep.go.th/eurban/images/PDF/7-2.pdf