ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพนั้นกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก
ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับราคาของผักปลอดสารพิษ หรือพืชผักต่างๆ ที่ถูกปลูกด้วยกรรมวิธีที่คลีนอย่างแท้จริงแบบตรวจสอบได้
ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าของผู้ที่ต้องการหาผักปลอดสารพิษมารับประทานทุกคน
ที่ต้องจ่ายเงินแพงกว่าในการดูแลสุขภาพของตัวเอง
อีกทั้งเทรนด์การปลูกพืชในเมืองใหญ่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
มีคนมากมายทั่วโลกที่หันมาปลูกพืชในบริเวณบ้านของตัวเอง
และมีคนไทยไม่น้อยที่อยากจะหันมาดูแลสุขภาพ และลดต้นทุนในการใช้จ่าย
ด้วยการเพาะปลูกพืชผักสวนครัวในที่ร่มด้วยพื้นที่จำกัด
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณทำทุกอย่างโดยใช้ขั้นตอนแบบบ้านๆ นั่นน่าจะทุลักทุเลและได้ผลตอบรับที่ไม่ดีดังที่หวังไว้ แต่ตอนนี้สตาร์ทอัพทั่วประเทศไทยกำลังตอบรับความต้องการของผู้บริโภคเหล่านั้น และหันมาสร้างนวัตกรรมเพื่อการเกษตรในร่มสำหรับคนเมือง และผู้ที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อย แต่อยากสร้างรายได้และสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน
Indoor Farming คืออะไร
Indoor Farming หรือการทำเกษตรในร่มนั้นเป็นเทรนด์การปลูกพืชในพื้นที่ร่ม
จำกัด ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงมากในออสเตรเลีย ยุโรป
หรือแม้แต่ที่สหรัฐอเมริกาเองก็เช่นกัน ซึ่งจริงๆ
แล้วมันเริ่มมาจากการปลูกพืชในประเทศเหล่านั้นจะมีฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นจนถึงขั้นติดลบ
ซึ่งไม่เหมาะกับการปลูกพืชอย่างมาก ทำให้พืชผลตาย และขาดรายได้ทันที
รวมถึงต่อให้พืชรอดไปได้ การขนส่งในระยะไกล ก็จะทำให้พืชตายลง
หรือขาดซึ่งความสดไปจนไม่เหลือคุณภาพใดๆ อีกเลย
ดังนั้นจึงเกิดเป็นเทรนด์การปลูกพืชในร่มขึ้นมา
เพื่อป้องกันปัญหาสภาพอากาศเหล่านี้นั่นเอง โดย Indoor
Farming จะมีระบบที่ควบคุมสภาพแวดล้อมทั้งหมดให้เหมือนว่าพืชเหล่านั้นกำลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ แสงแดด ความชื้น ปุ๋ย หรือปริมาณน้ำ ก็ทำออกมาได้ดีทั้งสิ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่สตาร์ทอัพไทยกำลังให้การจับตามองและพัฒนากันอยู่นั่นเอง
สตาร์ทอัพที่ช่วยเรื่องการทำเกษตรในเมือง ปลูกพืชในร่ม
ตอนนี้มีสตาร์ทอัพมากมายทั้งไทยและต่างประเทศที่กำลังให้ความสำคัญ และเร่งพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นของผู้มีใจรักในการทำเกษตร แม้พื้นที่จะไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ช่วยให้ปลูกพืชจำนวนมากได้อย่างแท้จริง
1. Evergrow
ผู้พัฒนาเรือนกระจกสำหรับการปลูกพืช
ที่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ หลายไร่ก็สามารถปลูกพืชได้
ซึ่งเขาจะมีระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ช่วยควบคุมคุณภาพการผลิตออกมาได้อย่างตรงจุด
พร้อมลดอุปสรรคจากสภาพอากาศ ศัตรูพืช ทำให้เติบโตได้อย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพ
2. FoodCube
การปลูกพืชทำเกษตรในเมืองแบบอัจฉริยะที่ถูกสรรสร้างด้วยสตาร์ทอัพ
ซึ่งช่วยให้เราปลูกพืชในพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดแค่ 18 ตารางเมตรได้ แต่ให้ผลผลิตที่สูงเกินขนาดตัว
ซึ่งปลูกและติดตั้งได้บนดาดฟ้า ห้องใต้ดิน หรือแม้แต่ในออฟฟิศเองก็เช่นกัน
3. noBitter
เป็น mini
plant factory โรงงานปลูกพืชขนาดเล็กใจกลางเมือง
ที่ช่วยให้ควบคุมปริมาณสารตกค้าง สารพิษ หรือสารเคมีในพืชได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งเดียวที่จะช่วยให้คุณปลูกพืชทานได้นานเป็นสิบปี
ใช้เวลาดูแลแค่ 1 ชั่วโมงต่อวัน ก็สามารถได้พืชที่ผลผลิตดี
และพร้อมขาย พร้อมกิน ตอบโจทย์ตามที่ทุกคนต้องการ
4. AeroFarms
แอร์โรฟาร์มเป็นธุรกิจอาคารเพาะปลูกพืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการเพาะปลูกในอาคารแบบระบบปิด
ทั้งการปลูกพืชแนวตั้ง การนำ IoT มาใช้ และนำ Machine Learning มาผสมผสานกัน
ทำให้ปลูกพืชได้ผลผลิตมากขึ้น 130-390 เท่าเลยทีเดียว
เป็นจุดเริ่มต้นสู่การปลูกพืชแนวตั้งในพื้นที่ใช้สอยประหยัดอย่างบ้านเรือนนั่นเอง
5. Verdeat
สุดท้ายคือสตาร์ทอัพที่ได้เปิดตัวใน Kickstarter ซึ่งสร้างพื้นที่เพาะปลูกพืชผักปลอดสารพิษในบ้านขนาดเล็กได้เลยทันที
ใช้ปริมาณดินน้อย รองรับการปลูกพืชได้ 76 ชนิดทั่วโลก
และเป็นการปลูกพืชแบบสวนแนวตั้งที่ช่วยประหยัดพื้นที่
และนวัตกรรมนี้ใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 95% เลยทีเดียว
ซึ่งมีระบบแสงเลียนแบบแดดธรรมชาติ ทำให้พืชโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามคอนเซปต์พืชในเมือง ซึ่งต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อย รดน้ำแค่ครั้งเดียวใน 1
อาทิตย์
ทั้งหมดนี้นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของโลกยุคใหม่ ที่เกษตรกรไทย รวมถึงผู้ที่รักในการปลูกพืช หรือทานอาหารคลีนที่ปลอดสารพิษทั้งหลายควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอีกหน่อยเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนพื้นที่ในการเพาะปลูกอีกต่อไป ขอแค่มีพื้นที่ใช้สอยนิดเดียวก็สามารถมีสวนในฝันได้อย่างที่ตัวเองต้องการ และไม่ยากอย่างที่คิด