หมดสมัย America First ‘โจ ไบเดน’ จะพลิกโฉมอเมริกาอย่างไร

SME Update
13/11/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 4092 คน
หมดสมัย America First ‘โจ ไบเดน’ จะพลิกโฉมอเมริกาอย่างไร
banner

หมดสมัย "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) และ 4 ปีในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีผลงานอันโดนเด่นในสายตาประชาคมโลก อาทิประโยคเด็ด “ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวง” และนำสหรัฐออกจากข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีส รวมทั้งการจุดชนวนสงครามการค้ากับจีนเรื่อยมา ความขัดแย่งในตะวันออกกลาง และตัด GSP สินค้าไทยในบางรายการ 2 ครั้งในรอบปี 2563

วันนี้เรากำลังก้าวผ่านบุคคลนั้นไปแล้ว เพราะผลการเลือกตั้งของสหรัฐซึ่งทุกท่านคงทราบแล้วว่า “โจ ไบเดน” หัวหน้าพรรคเดโมแครต ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา เอาชัยเหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นผลสำเร็จ

และแม้ว่าขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ของเขา และตำแหน่งพ่วงท้ายชื่อของเขาก็ยังเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ เพียงแต่ว่าระยะเวลาของมันอาจจะไม่นานอีกต่อไป หรืออย่างช้าที่สุด ทรัมป์ก็ต้องลุกจากเก้าอี้ไปก่อนสิ้นปี 2563 นี้แน่นอน

โดยก้าวต่อไปของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ (สุภาพสตรีผิวสีคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ที่ได้ตำแหน่งรองประธานาธบดี) กำลังถูกคนอเมริกันและทั้งโลกจับตา เนื่องด้วยว่าขณะนี้แผ่นดินอเมริกายังคงเต็มไปด้วยไวรัสโควิด 19 ผลพวงที่เป็นขั้นตอนปฏิบัติที่เคยมีมา อาจเปลี่ยนแปลงในยุคของไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในวัย 78 ปี

ก่อนที่ไบเดน และแฮร์ริส จะได้เริ่มงานอย่างเป็นทางการในปี 2564 พวกเขาจะต้องเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ศาลาว่าการสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และจากนี้คือสิ่งที่ทั้งโลกจะต้องรู้ ว่าบันไดแต่ละขั้น ก้าวย่างแต่ละก้าวก่อนจะไปนั่งเก้าอี้มหาอำนาจของโลก

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

เปิดตัว อย่างเป็นทางการ วันไหน?

ปกติแล้วการเปิดตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ จะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคมเป็นประจำทุกๆ 4 ปี ที่ศาลาว่าการสหรัฐฯ ในวอชิงตัน ดีซี โดยประธานาบดีสหรัฐฯ จะต้องทำพิธีสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง และหลังจากที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งแล้ว เขาจะต้องทำตามธรรมเนียมคือเดินเข้าทำเนียบขาว พื้นที่ที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างน้อย 4 ปี โดยพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามปกติจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ และทั่วโลก รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแขนง ทั้ง Facebook Live, Twitter และ YouTube

 

งานแรกของ ไบเดน จัดการกับโควิด 19

ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเอาไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของเขาเอง คือการจัดการกับโควิด 19 โดยไบเดนจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาโควิด 19 เพื่อให้ช่วยกำหนดแนวทางการรับมือให้กับทีมบริหารประเทศ ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมาเช่นกัน คณะกรรมการที่ปรึกษาโควิด 19 จะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข 13 คน นำโดย ดร. เดวิดเคสเลอร์ อดีตกรรมการอาหารและยา ดร. วิเวกเมอร์ตี้ อดีตศัลยแพทย์ทั่วไปของสหรัฐฯ และดร. มาร์เซลลานูเนซ - สมิธ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล

 

ฟื้นสัมพันธ์สหรัฐฯ กับประชาคมโลก

อีกสิ่งที่มีการคาดว่าไบเดนจะทำ ก็คือการฟื้นฟูความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และกลับเข้าร่วมความเป็นพันธมิตรกับนานาชาติ นายไบเดนจะพาสหรัฐฯ กลับไปร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก และพยายามสวมบทบาทผู้นำโลกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

โดยไบเดนชูนโยบายนี้ให้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียหายของอเมริกา และผนึกกำลังกับชาติประชาธิปไตย เพื่อต่อสู้กับคลื่นของลัทธิอำนาจนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้น

 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์นำสหรัฐฯ ถอนตัวจากความตกลงปารีส ซึ่งเป็นกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเมื่อปี 2017 และเพิ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ แต่นายไบเดนได้ประกาศให้การต่อสู้กับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนี้เป็นภารกิจสำคัญของชาติ และจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าร่วมในความตกลงปารีสอีกครั้ง

ชายทั้งสองมีความเห็นคนละขั้วในประเด็นนี้ โดยนายทรัมป์มองการแก้ปัญหาโลกร้อนว่าเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเขาได้สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และยกเลิกระเบียบข้อบังคับด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายประการ

ขณะที่นายไบเดน ได้ประชาสัมพันธ์แผนการมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามความตกลงปารีส โดยระบุว่าจะดำเนินแผนการนี้ โดยการสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด และสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในกระบวนการที่ว่านี้

 

สัมพันธ์สหรัฐ–จีนจะเป็นอย่างไรต่อไป

มีการคาดว่า ไบเดนจะคงนโยบายของรัฐบาลนายทรัมป์เกี่ยวกับการต่อสู้กับ "การกระทำที่ก้าวร้าวทางเศรษฐกิจ" ของจีนไว้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเขาจะพยายามแสวงหาความร่วมมือกับจีนมากขึ้น หลังจากรัฐบาลของนายทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายอย่างแข็งกร้าวในการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี

ไบเดนบอกว่า เขาต้องการกอบกู้ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเวทีโลกขึ้นมาอีกครั้ง แต่โลกได้เปลี่ยนไปแล้วในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และผลสำรวจคความเห็นชี้ว่าชื่อเสียงของสหรัฐฯ ในหมู่ชาติพันธมิตรได้ตกต่ำลง ซึ่งประเด็นเหล่านี้คือสิ่งที่นายไบเดนต้องการเป็นผู้นำในการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง

 

สมัย โจ ไบเดน เศรษฐกิจไทยจะดีหรือร้าย

มีการประเมินว่า “ไบเดน” เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดจะช่วยให้บรรยากาศการค้าและเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ส่วนไทยรับอานิสงส์การส่งออกขยายตัวดีขึ้นแน่ โดยคาดว่านายไบเดนจะให้ความสำคัญต่อการเจรจาทางการค้าในรูปแบบพหุภาคีมากขึ้น ตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะนำอเมริกากลับเข้าสู่ระบบที่อเมริกาเคยเป็นอยู่นั่นก็คือ multilateralism หรือพหุพาคีนิยม ซึ่งจะไม่เน้นไปที่นโยบาย 'อเมริกาต้องมาก่อน' จากที่เคยถอนตัวออกจากโลกในหลายอย่าง เช่นการถอนความร่วมมือการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน การไม่ให้ความสำคัญกับสหประชาชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเรียกร้องคนอื่นเยอะๆ ก็จะต้องลดระดับตรงนั้นลง

ดังนั้นคาดว่า สหรัฐฯ จะกลับเข้ามาเจรจาความตกลงที่ก้าวหน้าและครอบคลุมทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หรือไม่ หรือสหรัฐฯ อาจทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมทั้งนโยบายอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ น่าจะยังอยู่ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศอินโดแปซิฟิก และน่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ การใช้เงื่อนไขการให้ฝ่ายเดียวทางการค้าหรือสิทธิพิเศษทางการค้าของสหรัฐฯ น่าจะยังคงอยู่ เช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) หรือการใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) และการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) แต่ขั้นตอนและรูปแบบอาจมีความผ่อนปรนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่า ภายในยุคของไบเดน ประเด็นต่อรองการค้าอาจนำเอาเงื่อนไข เช่น สิ่งแวดล้อม แรงงาน สิทธิมนุษยชน ทรัพย์สินทางปัญญา เข้าเป็นเงื่อนไขทางการค้า และนำมาเจรจาต่อรองทางการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประเด็นใหม่ที่น่าจับตา ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแค่การประเมินถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นานา แต่ที่สุดแล้ว แม้ผู้นำสหรัฐฯ เปลี่ยน แต่เอาเข้าจริงเศรษฐกิจไทยก็คงไม่ได้มีผลกับเหตุการณ์ครั้งในในระยะสั้นมากนัก เพราะคงต้องจับตาดูกันยาวๆ ว่าภายใต้การเจรจาข้อตกลงด้านการค้าต่างๆ จะมีความคืบหน้าแค่ไหน

แต่กระนั้นเมื่อมี โจ ไบเดน เข้ามาแทนทรัมป์ บรรยากาศโลกก็ดูเย็นลงขึ้นเยอะ

 

แหล่งอ้างอิง : https://www.thaiquote.org/

                            https://www.bbc.com/

                            https://mgronline.com/   

   


สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<


Case Study ‘Coles Local’ การตลาดแบบเอาใจและเข้าใจลูกค้า

จาก Fast fashion สู่เทรนด์เสื้อผ้ารักษ์โลกในสหรัฐฯ



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

ธุรกิจครอบครัว (Family Business) เป็นหน่วยธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่กระจายตัวอยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการส่งต่อความสำเร็จในธุรกิจครอบครัวจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง…
pin
17 | 04/06/2025
งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พบกับงาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ Website: thailandfranchising.comวันที่:…
pin
12 | 30/05/2025
Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

เข้าใจความหมายของ Net Zero แตกต่างจาก Carbon Neutral อย่างไร พร้อมเหตุผลที่ SME ไทยควรเริ่มปรับตัว เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและรองรับอนาคตที่ยั่งยืนContent…
pin
22 | 19/05/2025
หมดสมัย America First ‘โจ ไบเดน’ จะพลิกโฉมอเมริกาอย่างไร