หมดสมัย America First ‘โจ ไบเดน’ จะพลิกโฉมอเมริกาอย่างไร
หมดสมัย
"อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) และ 4 ปีในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีผลงานอันโดนเด่นในสายตาประชาคมโลก
อาทิประโยคเด็ด “ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวง” และนำสหรัฐออกจากข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีส รวมทั้งการจุดชนวนสงครามการค้ากับจีนเรื่อยมา ความขัดแย่งในตะวันออกกลาง
และตัด GSP สินค้าไทยในบางรายการ 2 ครั้งในรอบปี 2563
วันนี้เรากำลังก้าวผ่านบุคคลนั้นไปแล้ว
เพราะผลการเลือกตั้งของสหรัฐซึ่งทุกท่านคงทราบแล้วว่า “โจ ไบเดน”
หัวหน้าพรรคเดโมแครต ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่
3 พ.ย. ที่ผ่านมา เอาชัยเหนือ โดนัลด์
ทรัมป์ได้เป็นผลสำเร็จ
และแม้ว่าขณะนี้
ทรัมป์ยังไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ของเขา
และตำแหน่งพ่วงท้ายชื่อของเขาก็ยังเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่
เพียงแต่ว่าระยะเวลาของมันอาจจะไม่นานอีกต่อไป หรืออย่างช้าที่สุด
ทรัมป์ก็ต้องลุกจากเก้าอี้ไปก่อนสิ้นปี 2563 นี้แน่นอน
โดยก้าวต่อไปของ โจ ไบเดน
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ (สุภาพสตรีผิวสีคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ
ที่ได้ตำแหน่งรองประธานาธบดี) กำลังถูกคนอเมริกันและทั้งโลกจับตา
เนื่องด้วยว่าขณะนี้แผ่นดินอเมริกายังคงเต็มไปด้วยไวรัสโควิด 19
ผลพวงที่เป็นขั้นตอนปฏิบัติที่เคยมีมา อาจเปลี่ยนแปลงในยุคของไบเดน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในวัย 78 ปี
ก่อนที่ไบเดน และแฮร์ริส จะได้เริ่มงานอย่างเป็นทางการในปี 2564 พวกเขาจะต้องเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ศาลาว่าการสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และจากนี้คือสิ่งที่ทั้งโลกจะต้องรู้ ว่าบันไดแต่ละขั้น ก้าวย่างแต่ละก้าวก่อนจะไปนั่งเก้าอี้มหาอำนาจของโลก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เปิดตัว ‘อย่างเป็นทางการ’ วันไหน?
ปกติแล้วการเปิดตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คนใหม่ จะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคมเป็นประจำทุกๆ 4 ปี ที่ศาลาว่าการสหรัฐฯ
ในวอชิงตัน ดีซี โดยประธานาบดีสหรัฐฯ จะต้องทำพิธีสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง
และหลังจากที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งแล้ว
เขาจะต้องทำตามธรรมเนียมคือเดินเข้าทำเนียบขาว พื้นที่ที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างน้อย
4 ปี โดยพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามปกติจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
และทั่วโลก รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแขนง ทั้ง Facebook
Live, Twitter และ YouTube
งานแรกของ ‘ไบเดน’ จัดการกับโควิด
19
ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
กล่าวเอาไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของเขาเอง คือการจัดการกับโควิด 19 โดยไบเดนจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาโควิด
19 เพื่อให้ช่วยกำหนดแนวทางการรับมือให้กับทีมบริหารประเทศ
ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมาเช่นกัน คณะกรรมการที่ปรึกษาโควิด 19 จะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
13 คน นำโดย ดร. เดวิดเคสเลอร์ อดีตกรรมการอาหารและยา ดร. วิเวกเมอร์ตี้ อดีตศัลยแพทย์ทั่วไปของสหรัฐฯ
และดร. มาร์เซลลานูเนซ - สมิธ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล
ฟื้นสัมพันธ์สหรัฐฯ กับประชาคมโลก
อีกสิ่งที่มีการคาดว่าไบเดนจะทำ
ก็คือการฟื้นฟูความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ
(นาโต) และกลับเข้าร่วมความเป็นพันธมิตรกับนานาชาติ นายไบเดนจะพาสหรัฐฯ
กลับไปร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก
และพยายามสวมบทบาทผู้นำโลกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
โดยไบเดนชูนโยบายนี้ให้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียหายของอเมริกา และผนึกกำลังกับชาติประชาธิปไตย เพื่อต่อสู้กับคลื่นของลัทธิอำนาจนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์นำสหรัฐฯ
ถอนตัวจากความตกลงปารีส ซึ่งเป็นกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเมื่อปี
2017 และเพิ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้
แต่นายไบเดนได้ประกาศให้การต่อสู้กับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนี้เป็นภารกิจสำคัญของชาติ
และจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าร่วมในความตกลงปารีสอีกครั้ง
ชายทั้งสองมีความเห็นคนละขั้วในประเด็นนี้
โดยนายทรัมป์มองการแก้ปัญหาโลกร้อนว่าเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมาเขาได้สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และยกเลิกระเบียบข้อบังคับด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายประการ
ขณะที่นายไบเดน
ได้ประชาสัมพันธ์แผนการมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามความตกลงปารีส
โดยระบุว่าจะดำเนินแผนการนี้ โดยการสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด
และสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในกระบวนการที่ว่านี้
สัมพันธ์สหรัฐ–จีนจะเป็นอย่างไรต่อไป
มีการคาดว่า ไบเดนจะคงนโยบายของรัฐบาลนายทรัมป์เกี่ยวกับการต่อสู้กับ
"การกระทำที่ก้าวร้าวทางเศรษฐกิจ" ของจีนไว้ อย่างไรก็ตาม
คาดว่าเขาจะพยายามแสวงหาความร่วมมือกับจีนมากขึ้น
หลังจากรัฐบาลของนายทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายอย่างแข็งกร้าวในการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย
ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี
ไบเดนบอกว่า เขาต้องการกอบกู้ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ
ในเวทีโลกขึ้นมาอีกครั้ง แต่โลกได้เปลี่ยนไปแล้วในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
และผลสำรวจคความเห็นชี้ว่าชื่อเสียงของสหรัฐฯ ในหมู่ชาติพันธมิตรได้ตกต่ำลง
ซึ่งประเด็นเหล่านี้คือสิ่งที่นายไบเดนต้องการเป็นผู้นำในการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
สมัย ‘โจ ไบเดน’
เศรษฐกิจไทยจะดีหรือร้าย
มีการประเมินว่า “ไบเดน”
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดจะช่วยให้บรรยากาศการค้าและเศรษฐกิจโลกดีขึ้น
ส่วนไทยรับอานิสงส์การส่งออกขยายตัวดีขึ้นแน่ โดยคาดว่านายไบเดนจะให้ความสำคัญต่อการเจรจาทางการค้าในรูปแบบพหุภาคีมากขึ้น
ตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะนำอเมริกากลับเข้าสู่ระบบที่อเมริกาเคยเป็นอยู่นั่นก็คือ
multilateralism หรือพหุพาคีนิยม ซึ่งจะไม่เน้นไปที่นโยบาย 'อเมริกาต้องมาก่อน' จากที่เคยถอนตัวออกจากโลกในหลายอย่าง
เช่นการถอนความร่วมมือการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน การไม่ให้ความสำคัญกับสหประชาชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเรียกร้องคนอื่นเยอะๆ
ก็จะต้องลดระดับตรงนั้นลง
ดังนั้นคาดว่า สหรัฐฯ
จะกลับเข้ามาเจรจาความตกลงที่ก้าวหน้าและครอบคลุมทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หรือไม่ หรือสหรัฐฯ อาจทำความตกลงการค้าเสรี (FTA)
กับประเทศต่างๆ มากขึ้น รวมทั้งนโยบายอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ
น่าจะยังอยู่ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศอินโดแปซิฟิก
และน่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ การใช้เงื่อนไขการให้ฝ่ายเดียวทางการค้าหรือสิทธิพิเศษทางการค้าของสหรัฐฯ
น่าจะยังคงอยู่ เช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) หรือการใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี)
และการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)
แต่ขั้นตอนและรูปแบบอาจมีความผ่อนปรนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่า
ภายในยุคของไบเดน ประเด็นต่อรองการค้าอาจนำเอาเงื่อนไข เช่น สิ่งแวดล้อม แรงงาน
สิทธิมนุษยชน ทรัพย์สินทางปัญญา เข้าเป็นเงื่อนไขทางการค้า
และนำมาเจรจาต่อรองทางการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประเด็นใหม่ที่น่าจับตา ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแค่การประเมินถึงความเป็นไปได้ต่างๆ
นานา แต่ที่สุดแล้ว แม้ผู้นำสหรัฐฯ เปลี่ยน แต่เอาเข้าจริงเศรษฐกิจไทยก็คงไม่ได้มีผลกับเหตุการณ์ครั้งในในระยะสั้นมากนัก
เพราะคงต้องจับตาดูกันยาวๆ ว่าภายใต้การเจรจาข้อตกลงด้านการค้าต่างๆ
จะมีความคืบหน้าแค่ไหน
แต่กระนั้นเมื่อมี ‘โจ ไบเดน’ เข้ามาแทนทรัมป์
บรรยากาศโลกก็ดูเย็นลงขึ้นเยอะ
แหล่งอ้างอิง : https://www.thaiquote.org/
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
Case Study ‘Coles Local’ การตลาดแบบเอาใจและเข้าใจลูกค้า
จาก Fast fashion สู่เทรนด์เสื้อผ้ารักษ์โลกในสหรัฐฯ