‘อัมสเตอร์ดัม’ กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เมืองหลวงแห่งยีนส์ (รักษ์โลก)
อุตสาหกรรมสิ่งทอมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้วยเหตุนี้เทรนด์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการสิ่งทอจึงมีการเดินหน้ากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ที่สำคัญยังสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันที่ชูจุดเด่นในด้านนวัตกรรมรักษ์โลกอีกด้วย
กรณีน่าศึกษาล่าสุดที่ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองหลวงแห่งยีนส์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกางเกงยีนส์ขายาว อีกทั้งยังมีสำนักงานใหญ่ของบริษัทยีนส์ชื่อดังตั้งอยู่ อาทิ G Star Raw, Kings of Indigo, Kuyichi, Denham, Mud Jeans และ Amsterdenim ไปจนถึงการรวมตัวของแฟชั่นเฮาส์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง เช่น Scotch & Soda กับผู้เล่นใหม่ที่มีโปรไฟล์ด้านความยั่งยืนที่แข็งแกร่ง เช่น Mud Jeans ซึ่งจากไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบเสื้อผ้าลำลองของชาวดัตช์ และการใช้งานได้จริงของกางเกงยีนส์ ส่งผลให้ยอดขายกางเกงยีนส์ในเนเธอร์แลนด์สูงกว่า 20 ล้านคู่ในแต่ละปี
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตาม
กางเกงยีนส์ที่ไม่ได้ใช้แล้วส่วนใหญ่จะถูกเผาหรือส่งไปฝังกลบ
ทำให้ผู้ผลิตกางเกงยีนส์ชั้นนำและผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ได้มีการประชุมเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพื่อลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่
โดยในสัญญาระบุว่าจะทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงความยั่งยืนในอุตสาหกรรมกางเกงยีนส์
เพื่อปิดวงจรการผลิตและสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการรีไซเคิล
โดยมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เนื้อหารีไซเคิลขั้นต่ำ 5% ในกางเกงยีนส์ทุกคู่ และสร้างกางเกงยีนส์อย่างน้อย 1 ล้านตัว ให้เป็น (PCR) รีไซเคิลได้ 20%
อย่างไรก็ตาม แม้ผ้ายีนส์จะมีความทนทาน
แต่ผ้ายีนส์ก็มีด้านมืดมากมาย เนื่องจากกระบวนการผลิตที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
การเพาะปลูกฝ้ายที่ต้องใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก เทคนิคการย้อมสีและการตกแต่ง
โดยรวมต้องใช้น้ำประมาณ 7,500 ลิตร
เพื่อสร้างกางเกงยีนส์หนึ่งคู่
ในขณะที่มลพิษที่เกิดจากสีย้อมครามของเดนิม
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับสารคดี The River Blue ที่ได้รับรางวัลในปี 2016 เผยถึงการคุกคามชุมชนในประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดแคลนน้ำสะอาดอยู่แล้ว
ต้องแบ่งสัดส่วนน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต
นาง Marieke van Doorninck หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ
หมุนเวียนของอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า
“เนื่องจากเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองแห่งยีนส์และเป็นเมืองแฟชั่นที่รักผ้ายีนส์
เราจึงตระหนักดีว่าแฟชั่นอาจสร้างมลพิษและสร้างความไม่ยุติธรรมต่อคนงาน
เราจึงรู้สึกมีความรับผิดชอบ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องช่วยกันตรวจสอบให้แน่ใจว่า
“ผ้ายีนส์หมุนเวียน” จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม
แต่ส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ตามข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของกรุงปารีส
เศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์จะต้องเป็นระบบหมุนเวียนอย่าง สมบูรณ์ภายในปี 2050 และบรรลุผลให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2030
นางสาว Stientje van Veldhoven รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม
เคยกล่าวไว้ในอดีตว่าผู้ผลิตเสื้อผ้าต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อขยะที่พวกเขาสร้างขึ้น
โดยในวันประชุมดังกล่าวเธอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำหนดมาตรฐานเหล่านี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนให้ไปไกลกว่าเนเธอร์แลนด์
โดยกล่าวว่า
“นี่ไม่ได้เป็นเพียงดีล Amsterdam Denim แต่เราอยู่ร่วมกันและต้องการพันธมิตรจากทั่วโลก ข้อตกลงนี้จึงเป็นข้อตกลงของเดนิมทั่วโลก” โดยการประชุมสุดยอด Deal Denim ครั้งแรกจะจัดขึ้นที่อัมสเตอร์ดัม ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564
เห็นได้ชัดว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมต่างๆ
ในยุโรป มีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะเป็นอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน เนเธอร์แลนด์เองได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นจริง
โดยอุตสาหกรรมเดนิม ผ้ายีนส์ และแฟชั่น ถือเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบหลัก
ในการสร้างมลพิษและผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องทำการปรับปรุงอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ทั่วโลก
ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่น ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นนี้
เพื่อสอดรับกับข้อตกลงสากล โดยร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าให้อยู่ในระบบหมุนเวียนและยั่งยืนได้ในอนาคต
แหล่งอ้างอิง : Dutchnews
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก