เมื่อก่อนอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของจีนนอกจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ
แถมยังถูกมองว่าทำลายสิ่งแวดล้อมและกดขี่แรงงาน ทั้งนี้เนื่องจากทศวรรษที่ผ่านมา ในวงการแฟชั่นของจีนไม่เคยมีใครรู้จักคำว่า
‘สิ่งแวดล้อม’ หรือ
‘ความยั่งยืน’ มาก่อนเลย
แต่ในยุคนื้ดีไซเนอร์จีนรุ่นใหม่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลกหลายคน
ใช้จุดแข็งในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของชุมชน
รวมถึงการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนจีน นำมาเชื่อมโยงกับแบรนด์ของสินค้า จนทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์สามารถผงาดอยู่บนแคทวอล์ก
เทียบเคียงกับแบรนด์ของต่างชาติได้อย่างภาคภูมิใจ
และนี่คือ 3 แบรนด์รักษ์โลกและโด่งดังระดับโลกจากผลงานดีไซเนอร์สาวชาวจีนรุ่นใหม่ ที่ได้รับการยอมรับในนิยามของแบรนด์ที่จุดประกายให้ผู้หญิงทั่วโลก หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Valani
Valani Leung สาวจีนที่เติบโตมาที่แคลิฟอร์เนีย
สหรัฐอเมริกา เป็นดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Valani เธอเป็นชาวมังสวิรัติมานานถึง 24
ปี ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้ Valani มีจุดแข็งคือเป็นแบรนด์มังสวิรัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยกระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มต้นจนจบมาจากพืชและสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ อาทิ
เส้นใยจากป่าน เส้นใยกัญชา
รวมถึงสีย้อมผ้าที่ได้จากธรรมชาติที่ไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
รวมถึงแพคเกจจิ้งของสินค้าก็ได้จากการรีไซเคิลกล่องขนมที่ทำจากกระดาษ
เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์และลดขยะ
นอกจากนี้ Valani ยังมีพันธสัญญาปลูกต้นไม้ 1 ต้นสำหรับเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ขาย รวมถึงการบริจาค
10% ของผลกำไรเพื่อการกุศลด้านสิ่งแวดล้อมและสัตว์
Kayu
Jamie Lim ดีไซเนอร์ชื่อดังเป็นเจ้าของแบรนด์ Kayu ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกระเป๋าครัชใบสวยที่สาวๆ
จะต้องเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัวสักใบ นอกจากดีไซน์ที่สวยงามล้ำสมัยแล้ว Lim
ยังต้องการให้ Kayu เป็นกระเป๋าที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนตลอดกระบวนการออกแบบและการผลิต
โดยเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ฟาง หญ้าทะเล เปลือกหอย ไม้ เป็นต้น
ที่พิเศษกว่านั้นคือเป็นแบรนด์ที่การส่งเสริมแรงงานของสตรี
โดยเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และสามารถหารายได้เลี้ยงชีพพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ดังนั้นกระเป๋า Kayu ทุกใบจึงเป็นกระเป๋าทำมือจากแรงงานของเหล่าแม่บ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้ง ฟิลิปปินส์ ไทย และมาเลเซีย ผู้หญิงเหล่านี้อยู่บ้านทอผ้า
ช่วยให้พวกเธอสามารถทำงานจากที่บ้านไปพร้อมๆ กับดูแลลูกๆ
และหารายได้ให้กับครอบครัวด้วย
ปัจจุบันกระเป๋าถือ KAYU
วางจำหน่ายในร้านค้ากว่า 200 แห่งทั่วโลกรวมถึงออนไลน์ และตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นแบรนด์
zero waste ภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย
Angle Chang
Angle Chang ดีไซเนอร์ชื่อดังที่นำชื่อของเธอมาเป็นแบรนด์เสื้อผ้าสตรีสุดหรู
ที่มีคำนิยามว่า ‘แฟชั่นปราศจากไฟฟ้า’ และ ‘เสื้อผ้าสไตล์โบราณ’ ซึ่งทั้ง 2 คำนี้นำไปสู่แบรนด์แฟชั่นที่สร้างความยั่งยืน ที่ส่งให้ Chang
ขึ้นไปยืนโบกธงอยู่บนแถวหน้าบนแคทวอล์ก
เมื่อหลายปีก่อน Chang
มีโอกาสไปออกแบบแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ทำให้เธอได้รับรู้และสัมผัสกับผลกระทบของสารสังเคราะห์เคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จึงจุดประกายให้ Chang หันมาให้ความสนใจต่อรากเหง้าของบรรพบุรุษและเทคโนโลยีธรรมชาติอีกครั้ง
ในปี 2011 Chang ย้ายจากนิวยอร์กไปอยู่ที่มณฑลกุ้ยโจว
เพื่อไปศึกษาเรื่องการทอผ้าและเทคนิคที่จะนำมาใช้กับการผลิตเสื้อผ้าได้อย่างไร
สิ่งที่ Chang ได้ค้นพบที่กุ้ยโจว คือสายการผลิตที่อาศัยเพียง 3 ปัจจัยหลักเท่านั้น
คือแสงแดด พืช และน้ำ จากภูเขา
ทั้งนี้กุ้ยโจวเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศจีน
และสิ่งหนึ่งที่กำลังจะหายไปจากเมืองนี้ คือวัฒนธรรมการทอผ้าแบบโบราณ ซึ่งแต่เดิมแม่จะถ่ายทอดให้กับลูกสาวจากรุ่นสู่รุ่น
ซึ่งเมื่อ Chang เข้าไปช่วยฟื้นฟูด้วยกระบวนการแบบดั้งเดิมที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด
น้ำเสียที่ปล่อยออมาไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการตั้งโรงงานทอผ้าในท้องถิ่นเพื่อใช้แรงงานของคนในท้องถิ่น
ส่งเสริมให้มีรายได้ขจัดความยากจนในพื้นที่ให้หมดไป
Angle Chang จึงกลายเป็นคอลเลคชั่นที่แทบจะไม่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์
รวมถึงฝีมืองานปักแบบโบราณของกุ้ยโจวที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ไม่มีใครเหมือนของแบรนด์นี้
ทั้งหมดนี้คือดีไซเนอร์สาวชาวเอเชียที่ใช้พรสวรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้าแนวความยั่งยืน เพื่อกระตุ้นในสาว ๆ ผู้หลงใหลในความงามของเสื้อผ้าได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อโลก
ภาพ : https://www.vegpreneur.org/