ปัจจุบันความต้องการ “กล้วยหอมทอง” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหตุเพราะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รับประทานง่าย ทานได้ทุกเพศทุกวัย และราคาไม่แพง
เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศ “กล้วยหอมทอง”
จึงเป็นพืชผลทางการเกษตรที่มีลู่ทางการเติบโตสดใส ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจหันมาลงทุนปลูกและขยายพื้นที่
เพื่อเพิ่มผลผลิตเข้าสนองตอบความต้องการของตลาด
จากแนวโน้มความต้องการดังกล่าวทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาแข่งกันในตลาดมากขึ้น ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ อาทิ บริษัท แพนแปซิฟิค ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด บานาน่า เจ และบริษัท คิงส์ฟู้ด เอ็นเทอไพรซ จำกัด ล่าสุดบริษัท ไทหนาน อินเตอร์เทรด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตกล้วยหอมอินทรีย์ อันดับ 1 ใน 3 ของจีน เตรียมนำผลผลิตบนเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ ในสปป.ลาว เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นายสถาพร
สุรพัฒน์ และผู้บริหาร บริษัท ไทหนาน
อินเตอร์เทรด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำกล้วยหอมระบบออร์แกนิค ‘สายพันธุ์วิลเลี่ยม บี 6’
ซึ่งเป็นฟาร์มกล้วยหอมอินทรีย์ขนาดพื้นที่กว่า 6,000 ไร่
ในปากซัน สปป.ลาว (ตรงข้ามจังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย) เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย หลังประสบความสำเร็จจากการผลิตส่งขายไปยังประเทศจีน
จนติดอันดับผู้นำเข้ารายใหญ่ 1 ใน 3
ของประเทศจีน
“ไทยเป็นประเทศที่มีพื้นที่ติดกับ
สปป.ลาว และมองเห็นถึงโอกาสที่จะขยายตลาด
จึงเข้ามาหาช่องทางจำหน่ายและทำวิจัยเพื่อศึกษาการปลูกกล้วยพันธุ์ วิลเลี่ยม บี 6 รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการเกษตรในประเทศไทย
ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นไว้แล้ว”
จุดเด่นของกล้วยหอม สายพันธุ์วิลเลี่ยม บี 6 นี้จะมีผลสีเหลืองทอง เนื้อแน่น มีกลิ่นหอม
และรสชาติหวานกว่ากล้วยหอมในท้องตลาดในประเทศไทย เป็นกล้วยหอมพันธุ์ดี คุณภาพสูง
ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานกันมากในประเทศจีนและยุโรป โดยปลูกด้วยระบบออร์แกนิคและการจัดการฟาร์มที่ทันสมัย
ตั้งแต่การให้ปุ๋ยด้วยระบบท่อน้ำทั้งแปลง ระบบการห่อหวีกล้วย 5 ชั้น วิธีการ POST Harvest ซึ่งตัดและคล้องดึงผ่านสายสลิงมายังโรงคัดล้างก่อนบรรจุแบบสุญญากาศ
และแยกตลาดกล้วยขนาดต่างๆ ใส่ถุงสุญญากาศ
บรรจุลงกล่องน้ำหนักบรรจุ 13 กก/กล่อง. แล้วเก็บเข้าห้องเย็นขนาดใหญ่กลางสวน
ซึ่งมีจำนวน 10 ห้อง เพื่อรอการจัดส่งทางรถบรรทุกไปยังประเทศจีน
ปัจจุบันมีกำลังผลิต 30,000 ตันต่อปี
“ทางฟาร์มฯ ได้เริ่มปลูกแล้วเมื่อต้นปี 2561 พร้อมนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายปี 2563
โดยคาดหวังว่าจะขายผ่านทางห้างสรรพสินค้า และดิสเคาร์สโตว์ในประเทศไทยอย่างเช่น
บิ๊กซี โลตัส แม็คโคร และร้านสะดวกซื้อ 7-11
แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายการขายในประเทศไทยไว้ 20% ของการผลิต
นายเกรียงศักดิ์ วิเลปะนะ เจ้าของบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ยืนยันว่า “กล้วยหอมทอง” เป็นสินค้าที่มีลู่ทางเติบโตสดใส เพราะมียอดขายขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ปัจจุบันกล้วยหอมราคาดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรียกว่าขยายพื้นที่ปลูกเท่าไร ก็ยังผลิตไม่พอขาย เพราะตลาดเติบโตขึ้นทุกปี ยิ่งช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง กินเจ กล้วยหอมทองยิ่งขายดีเป็นพิเศษ บริษัทจึงวางแผนเพิ่มผลผลิตรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและส่งออก จึงเปิดรับสมัครเกษตรกรทั่วประเทศเสนอพื้นที่ โดยพิจารณาจากความพร้อมของสถานที่ตั้งเป็นสำคัญ เช่น มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับใช้ในการเพาะปลูกตลอดทั้งปี หากเป็นเกษตรกรรายย่อยจะส่งเสริมให้รวมกลุ่มกันปลูกกล้วยไม่ต่ำกว่า 20 ไร่ เพื่อรวบรวมผลผลิตส่งขายไม่ต่ำกว่า 10-15 ตัน/ครั้ง
นายสมมาตร
ยิ่งยวด
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5
จังหวัดนครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
เปิดเผยถึงตัวอย่างผลสำเร็จของการรวมกลุ่มเกษตรกรในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ (Mega
Farm Enterprise) ของจังหวัดชัยภูมิ
ที่ได้มีการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กล้วยหอมทอง ตำบลถ้ำวัวแดง
อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ จำหน่ายผลผลิตในประเทศและส่งออกตลาดต่างประเทศ
สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าเข้าสู่จังหวัดได้เป็นอย่างมาก
ยกระดับและต่อยอดจนเป็นที่ยอมรับของตลาด ช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกสินค้าที่ปลอดจากสารเคมีมากขึ้น
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่กล้วยหอมทองตำบลถ้ำวัวแดง
เกิดขึ้นจากเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองรวมกลุ่มกันผลิตและจำหน่ายในรูปแบบแปลงใหญ่
ในปี 2560 ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกรประมาณ 34 ราย พื้นที่รวม 220 ไร่ ได้รับมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) และมีโรงงานคัดแยกแปรรูปที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing
Practice) ซึ่งการผลิตกล้วยหอมทอง ทางกลุ่มฯ
มีการดำเนินงานในรูปแบบคณะกรรมการ และวางแผนการผลิตและการตลาดอย่างเป็นระบบ
ซึ่งในแต่ละปีจะจัดสรรพื้นที่เพื่อผลิตกล้วยประมาณ 6 รุ่น
แต่ละรุ่นห่างกัน 2 - 3 เดือน
เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาอย่างสม่ำเสมอ
แต่ละรุ่นใช้ระยะเวลาตั้งแต่ปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวประมาณ 8 - 10 เดือน โดยทางกลุ่มฯ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 770,000 – 880,000 กิโลกรัม/รุ่น หรือประมาณ 4,000 กิโลกรัม/ไร่
ทั้งนี้เกษตรกรแต่ละรายมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย
11 บาท/กิโลกรัม ราคากล้วยหอมทองส่งออกที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 22 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรรายได้สุทธิ (กำไร) ประมาณ 30,000 -
40,000 บาท/ไร่
และมีการนำเศษวัสดุกลับมาหมุนเวียนผลิตเป็นปุ๋ยหมักให้เหมาะสมกับพื้นที่ เลือกใช้หน่อพันธุ์ดี
ซึ่งนอกจากได้ผลผลิตคุณภาพแล้ว ยังสามารถจำหน่ายหน่อเพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับผลผลิตของทางกลุ่มฯ
จำหน่ายกล้วยหอมทองสดแบบบรรจุกล่องๆ ละ 12.5
กิโลกรัม มีตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศจำหน่ายประมาณ 1,000-2,000 กิโลกรัม/สัปดาห์ เช่น บริษัทคิงฟรุ้ต ที่ทำกล้วยส่ง 7-11 ทั่วประเทศ และบริษัทบานาน่า เจ
จังหวัดนครราชสีมา ส่วนตลาดต่างประเทศ คือ บริษัท พีพีเอฟซี
เพื่อส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 3,000-5,000
กิโลกรัม/สัปดาห์ ผ่านทางเรือขนส่งสินค้า นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปผลผลิต อาทิ
กล้วยตาก ภายใต้แบรนด์ไทยดง (Thaidong) อีกด้วย
ปัจจุบันปริมาณความต้องการซื้อกล้วยหอมทองของทางกลุ่มฯ มีอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการ อาทิ บริษัท แพนแปซิฟิค ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด บานาน่า เจ และบริษัท คิงส์ฟู้ด เอ็นเทอไพรซ จำกัด ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับซื้อผลผลิตแล้ว นอกจากนี้ทางกลุ่มฯ ยังได้จัดทำแผนธุรกิจเพื่อขอรับสินเชื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ สำหรับส่งเสริมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไปอีกด้วย
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<