แบงก์ชาติปรับเงื่อนไข ‘คลินิกแก้หนี้’ ลดผลกระทบโควิด-19
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขของโครงการ
2 เรื่องคือ การปรับคุณสมบัติลูกหนี้โดยเลื่อนวันของการเป็น NPL (วัน cut-off date) และการปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่
เพื่อให้โครงการสามารถขยายความช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างมากขึ้น
โดยมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับโครงการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 ของ ธปท. รวมทั้งกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเสนอแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ ให้แก่ลูกหนี้ที่ต้องการแก้ปัญหา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สาระสำคัญขอการปรับ 2 เงื่อนไขใหม่สรุปได้ดังนี้
1. ปรับเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครเข้าโครงการ
จากเดิมผู้สมัครต้องเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
เพื่อขยายความช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้ที่กลายเป็น NPL ในช่วงครึ่งแรกของปีจากผลของวิกฤตโควิด-19
ให้ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที หลังจากปรับเงื่อนไขในครั้งนี้
คาดว่าจะมีลูกหนี้สนใจสมัครเข้าโครงการจำนวนมาก
และทำให้ขั้นตอนการพิจารณาใช้เวลานานกว่าช่วงปกติอยู่บ้าง
จึงขอให้ผู้สมัครยื่นและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทราบผลการพิจารณาแล้ว โครงการจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลให้ทราบโดยเร็ว
2. ปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
โดยปัจจุบันกำหนดให้ผู้เข้าโครงการห้ามก่อหนี้ใหม่ภายในเวลา 5 ปี
แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มเกณฑ์ว่า
หากผู้เข้าร่วมโครงการสามารถผ่อนชำระเงินต้นได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ก็สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้
ซึ่งอาจใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตามการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อขึ้นกับหลักเกณฑ์ของผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง
การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้มุ่งหวังเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้สมัครเข้าโครงการมากขึ้น
เพราะบางส่วนกังวลเรื่องห้ามก่อหนี้ใหม่ 5 ปี อีกทั้งเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้เร่งชำระหนี้คืน
หรือชำระหนี้เมื่อมีเงินก้อนถ้ายังพอมีความสามารถ
ทั้งนี้ ตามที่ ธปท.
ประกาศมาตรการพื้นฐานขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2
เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด สิ่งหนึ่งที่มาตรการในระยะที่ 2
ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น คือผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องมีมาตรการสำหรับกลุ่มที่เป็น
NPL แล้ว
ดังนั้นผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องจัดให้มีช่องทางหรือกลไกแก้ไขหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้
รวมทั้งมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอื้อต่อการผ่อนชำระเช่นเดียวกับโครงการคลินิกแก้หนี้
และเสนอให้ลูกหนี้พิจารณา
พูดง่ายๆ ว่า หากลูกหนี้ที่เป็น NPL นอกจากจะสมัครเข้าโครงการแล้ว
ยังสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนได้โดยตรงกับผู้ให้บริการทางการเงิน
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
จะส่งผลให้จำนวนลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (หนี้บัตร)
มีแนวโน้มกลายเป็นหนี้เสียสูงขึ้น
ดังนั้นการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้สามารถตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกัน
จะเป็นวาระทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาก โดยเฉพาะหนี้บัตรซึ่งเป็นหนี้ที่มีจำนวนบัญชีลูกหนี้มากที่สุดในบรรดาหนี้รายย่อยทั้งหมด
ความสำคัญของแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กลางของโครงการคลินิกแก้หนี้ จึงอยู่ที่การเป็นหนึ่งในทางออกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้บัตรของลูกหนี้รายย่อยจำนวนมาก
ลุกลามกลายเป็นวิกฤตหนี้รายย่อยที่อาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี ยึดทรัพย์ในวงกว้าง
ซึ่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้
ทั้งนี้ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามการเปิดรับสมัครและข่าวสารของโครงการได้หลายช่องทาง
ได้แก่ ผ่านทาง Website LINE Facebook หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Call Center 0 2610 2266 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 -
17.00 น.
นอกจากนี้ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้างว่าเป็นตัวแทน ธปท. ที่จะสามารถช่วยท่านเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือช่วยเรื่องอื่นๆ โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดำเนินการเป็นการตอบแทน หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลและสอบถามข้อเท็จจริงได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213