ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน แน่นอนว่าธุรกิจต่าง ๆ กำลังเร่งปรับตัว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันไปได้อย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนผ่านธุรกิจเข้าสู่โลกดิจิทัลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าศึกษาและเริ่มวางแผน แต่ต้องระมัดระวัง !
4 Tips พาธุรกิจเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกดิจิทัลในระบบ Cloud ให้ปลอดภัยและตอบโจทย์ !
1. ขอคำแนะนำเรื่องระบบ Cloud จากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
โครงการดิจิทัลมักมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่องว่างด้านความรู้ทางเทคนิคระหว่างผู้บริหารธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ผู้บริหารธุรกิจอาจไม่เข้าใจความซับซ้อนของการใช้งานเทคโนโลยี ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญก็มักให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากกว่าความต้องการของธุรกิจ
การมีที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งสองด้าน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างอย่างตรงจุดมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ให้บริการระบบ Cloud แต่ละเจ้าก็สามารถรองรับขนาดของธุรกิจได้ตั้งแต่ธุรกิจรายย่อย (SME) ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ในระดับ Enterprise
ยกตัวอย่างบริษัท Dollar Shave Club ธุรกิจขายมีดโกนหนวดมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่ต้องการเปลี่ยนระบบ IT ภายในเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่รวดเร็ว โดยเลือกใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในด้านการย้ายระบบไปยัง AWS Cloud ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายขนาดการให้บริการได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องจ้างทีมเทคโนโลยีเต็มเวลา
2. ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งจำเป็น
ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบที่เกี่ยวข้องกับ ‘ข้อมูล’ เป็นหลัก โดยการป้องกันข้อมูลรั่วไหลเมื่อติดต่องานกับทีมหรือลูกค้าแบบระยะไกล ควรเป็นเรื่องหลักในการวางแผนธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเรื่องข้อมูลตามมาในอนาคต
อย่างที่ทาง Capital One ธนาคารชั้นนำในสหรัฐฯ ได้มีการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยลงทุนในด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบน AWS Cloud สร้างระบบการใช้รหัสสำหรับเข้าถึงข้อมูลอัตโนมัติและการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่อาจเป็นอันตรายได้นั่นเอง
3. มองภาพรวมให้กว้างขึ้น
การพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะตัวภายในอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและยากต่อการบำรุงรักษา ทางเลือกที่ดีกว่าคือการใช้โซลูชันบน Cloud ที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย และนำเงินที่ประหยัดได้ไปลงทุนในเทคโนโลยีที่สร้างรายได้อื่น ๆ ต่อไป
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น บริษัทชื่อดังอย่าง Netflix เองก็มีการใช้ระบบ Cloud เพื่อปรับปรุงระบบภายในองค์กร โดยทาง Netflix มีการเลิกใช้ระบบเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร และย้ายไปใช้ AWS Cloud เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน
ซึ่งการย้ายไปใช้ Cloud ทำให้ Netflix สามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เช่น พัฒนาอัลกอริทึมสำหรับแนะนำเนื้อหาให้กับผู้ชมเป็นรายบุคคล และการขยายบริการไปยังผู้ใช้ทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การทำงานแบบออนไลน์ร่วมกับทีมแบบระยะไกลต้องปรับวัฒนธรรมองค์กร
การทำงานบนระบบออนไลน์กับทีมระยะไกลมีความท้าทาย ธุรกิจต้องสร้างวัฒนธรรมที่ให้ทีมงานระยะไกลรู้สึกมีคุณค่าเท่ากับพนักงานในสถานที่จริง การเริ่มปรับตัวให้เข้ากับการทำงานรูปแบบใหม่บนระบบ Cloud นี้ ต้องใช้ทั้งเวลาและการเรียนรู้อย่างจริงจัง
ไม่เว้นแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Automattic บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง WordPress ซึ่งมีพนักงานที่ทำงานระยะไกลจากทั่วโลก การจัดการทีมในระยะไกลให้มีประสิทธิภาพนับเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ โดยทาง Automattic ได้สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่พาให้พนักงาน หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างจริงจัง โดยใช้เครื่องมือสื่อสารและการจัดการงานออนไลน์อย่าง Slack และ Zoom เข้ามาช่วยสร้างความรู้สึกการเป็นทีมเดียวกัน แม้จะทำงานจากหลายที่ทั่วโลกก็ตาม
จากการยกตัวอย่างการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบ Cloud ของบริษัทชื่อดังระดับโลกเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าระบบ Cloud เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนและการปรับตัวของแต่ละองค์กรว่าต้องการจะนำระบบไปช่วยพัฒนาและจัดการจุดใด
บอกเลยว่าในการที่จะพาให้ธุรกิจเริ่มก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล สามารถเริ่มได้ตั้งแต่การจัดการข้อมูล ซึ่งทั้ง 4 Tips ที่เรายกตัวอย่างมานี้จะช่วยให้สามารถเห็นภาพการใช้ประโยชน์จากการโยกข้อมูลเข้าสู่ระบบ Cloud ได้ชัดเจนและเริ่มเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้ปลอดภัยมายิ่งขึ้น
#BBO3 #thebigblueocean #digitaltransformation #transformationbuddy
#กลยุทธ์ธุรกิจ #การTransform
ที่มา :