รีบดู! สิทธิประโยชน์สำหรับ SME ได้แต้มต่อตลาดจัดจ้างรัฐ
นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับ SME ในการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่จะเป็นโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี ภายหลังที่กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยให้ยกเลิกชื่อหมวด 2 พัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพและพัสดุส่งเสริมผู้ด้อยโอกาส และความในข้อ 5 และข้อ 6 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยในข้อ
5 ในหมวดนี้ระบุถึง “พัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพ”
หมายความว่า ผลิตผล ชิ้นงาน หรือบริการ ที่ผลิตหรือจัดทำขึ้น
เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจเริ่มต้นของประเทศไทย หรือพัฒนาขีดความสามารถ
ด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม หรือสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
วิสาหกิจชุมชน กลุ่มอาชีพที่อยู่ในการกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐหรือที่หน่วยงานของรัฐรับรอง
หรือกลุ่มอาชีพอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน หรือองค์กรหรือมูลนิธิเพื่อคนพิการหรือองค์การสงเคราะห์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ
ข้อ
6 ให้พัสดุส่งเสริมวิสาหกิจและการประกอบอาชีพดังต่อไปนี้
เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริม หรือสนับสนุน
(1)
ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพในหมู่บ้านและตำบลที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
- เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในชุมชนพื้นที่นั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ประกอบอาชีพเพื่อเสริมสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตในพื้นที่หมู่บ้านและตำบลนั้น
- มีการบริหารจัดการกลุ่มและมีการทำกิจกรรมของกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งมีทรัพย์สินหรือเงินทุนของกลุ่มเพื่อดำเนินกิจการร่วมกัน
- สมาชิกของกลุ่มต้องมีความรู้
ความสามารถ และมีความพร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพในการผลิตงานที่รับมาทำและงานที่รับมาทำนั้นต้องดำเนินการโดยสมาชิกในกลุ่ม
- มีการรับรองการดำเนินงานของกลุ่ม
หรือจดทะเบียนกลุ่มโดยหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อประกอบอาชีพ
(2)
ผลิตภัณฑ์ของร้านค้าสหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับรอง
(3)
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเองหรืองานจ้างให้บริการรักษาความปลอดภัยขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
ในพระบรมราชูปถัมภ์
(4)
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเองหรือบริการขององค์กรหรือมูลนิธิเพื่อคนพิการ ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย
(5)
ผลิตภัณฑ์จากเรือนจำ สถานกักกัน หรือสถานกักขัง รวมถึงงานก่อสร้าง งานรับจ้าง
งานบริการ หรืองานใดๆ ที่ใช้ฝีมือแรงงานของผู้ถูกคุมขัง
และผลิตภัณฑ์จากร้านจำหน่ายของกรมราชทัณฑ์
(6)
ผลิตผล ชิ้นงาน หรือบริการที่ผลิตจัดทำขึ้น จำหน่าย หรือให้บริการโดยผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SME) ที่ได้ขึ้นบัญชีรายการพัสดุและบัญชีรายชื่อผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไว้
กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
โดยกฎกระทรวงฯ
ดังกล่าว กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SME) ที่ได้ขึ้นบัญชีรายการพัสดุและบัญชีรายชื่อไว้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.) ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ SME มีโอกาสในการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมากขึ้น
ประกอบด้วย 2 แนวทาง คือ
1.
กำหนดให้ให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจาก SME ที่ได้ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว.
โดยพิจารณาคัดเลือก SME ในพื้นที่จังหวัดเป็นลำดับแรก
2.
ให้แต้มต่อแก่ SME ที่ได้ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในการเสนอราคาแบบ e-bidding
โดยจะได้รับแต้มต่อด้านราคา 10%
ในการเสนอ (เสนอได้แพงกว่าเกณฑ์ราคาต่ำสุด 10%)
กลุ่ม
SME สินค้าและบริการที่เข้าข่ายประกอบด้วย
(1)
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ขึ้นบัญชีรายชื่อกับ สสว.
(2)
พัสดุที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand) ขึ้นบัญชีรายชื่อกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(3)
พัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขึ้นบัญชีรายชื่อกับกรมควบคุมมลพิษ
โดยการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก
แบ่งเป็น
- โควต้าการซื้อจาก
SME 30% โดยภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจาก SME ไม่น้อยกว่า 30%
ของวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างในหมวดสินค้า/บริการที่กำหนด
- การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธี
e-Bidding ให้แต้มต่อ SME ที่เสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดได้
10% (กรณีที่ใช้วิธี e-Bidding ที่ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุด)
คัดเลือกจัดซื้อจัดจ้างจาก SME
ในจังหวัดก่อน ถ้าไม่มีในจังหวัดจึงคัดเลือก SME
จากภายนอกจังหวัด
นายวีระพงศ์
มาลัย
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)ที่ผ่านมามีเพียงผู้ประกอบการบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้
แต่ภายใต้กฎกระทรวงฯ นี้ ได้ให้สิทธิประโยชน์กับ SME เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกระจายโอกาสให้กับ
SME ที่อยู่ในท้องถิ่น โดยกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐซึ่งจะเป็นหน่วยจัดซื้อ
คัดเลือก SME ในพื้นที่จังหวัดที่ตั้งของหน่วยงานจำนวนไม่น้อยกว่า
3 รายก่อน เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีคัดเลือก
และการให้แต้มต่อกับ SME ที่เสนอราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ร้อยละ 10 สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้
SME สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้
ทั้งนี้
สำหรับ SME ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
มีทั้งที่อยู่ในรูปแบบนิติบุคคล บุคคลธรรมดา หรือวิสาหกิจชุมชน
ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามนิยาม SME ที่
สสว. กำหนด คือ
- ภาคการผลิต
จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี
- ภาคการค้าและบริการ
จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี
ที่สำคัญจะต้องขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและรายการสินค้าและบริการในระบบที่
สสว. จัดทำขึ้น คือ www.thaismegp.com
ซึ่งผู้สนใจสามารถขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ในส่วนการลงทะเบียนผ่าน
www.thaismegp.com นั้น เพียงกรอกข้อมูลส่วนบุคคล
พร้อมแนบหลักฐานการจัดตั้งธุรกิจ ได้แก่
สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล/ทะเบียนพาณิชย์
หรือหลักฐานการจดทะเบียนกับหน่วยงานราชการ เอกสารแสดงรายได้ (เพื่อพิจารณาความเป็น
SME) ได้แก่ งบการเงินปีล่าสุด
/เอกสารหรือหลักฐานแสดงรายได้ เช่น แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และรอรับ SMS แจ้ง Username และ Password เพื่อเพิ่มรายละเอียดและรูปภาพในระบบ
เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าถึงตลาดภาครัฐได้
อ่านรายละเอียดข้อกำหนดกฎกระทรวงฯดังกล่าวเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/