การค้า การลงทุน คือหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด 19
ซึ่งเมื่อเร็วๆ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้มีการประชุมด้านมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ทั้งมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 2564 ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจยิ่ง
อาทิ การขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค รวมทั้งการเปิดเขตส่งเสริมกิจการพิเศษการแพทย์จีโนมิกส์
มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) รวมทั้งเห็นชอบมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมการผลิตและบริการในอนาคต
ซึ่งในปีหน้าบีโอไอต้องการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยเร็ว
โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
19
โดยมาตรการนี้กำหนดให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ หากมีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายใน 12 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม และไม่อนุญาตให้ขยายเวลาในขั้นตอนการตอบรับให้การส่งเสริมและการออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2564 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2564
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ต่ออายุมาตรการ SEZ – ชายแดนใต้ อีก 2 ปี
นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอมีมติขยายเวลารับคำขอส่งเสริมการลงทุนออกไปอีก
2 ปี ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565
สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี เชียงราย ตราด ตาก
นครพนม นราธิวาส มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว และหนองคาย โดยมาตรการนี้ครอบคลุมทุกประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมกว่า
300 กิจการ
แต่หากเป็นกิจการที่อยู่ใน 14
กลุ่มกิจการเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมเกษตร ประมง สิ่งทอ
เครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง เครื่องเรือน อัญมณีและเครื่องประดับ
เครื่องมือแพทย์ พลาสติก กิจการท่องเที่ยว เป็นต้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
8 ปีและลดหย่อนร้อยละ 50 อีก 5 ปี
รวมทั้งการขยายเวลารับคำขอสำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่
5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 2 ปี เช่นเดียวกัน โดยมี 2 มาตรการ คือ
1)
มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี
นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย
และเทพา
2)
มาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ใน 4
พื้นที่ ได้แก่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโกลก
จังหวัดนราธิวาส และอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
สำหรับ 5
ประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนในเฉพาะพื้นที่ SEZ และ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ได้แก่
1)
กิจการผลิตวัสดุก่อสร้างและกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค
2)
กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน
เครื่องสำอาง
3)
กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก
4) กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ
เช่น กล่องกระดาษ
5) กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า
โดยยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565
ยกระดับกิจการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ด้านมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก่กิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม
ไม่ว่าจะเคยได้รับการส่งเสริมหรือไม่ก็ตาม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรและการผลิตหรือการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน
และกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ในประเทศที่จะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศไทย
ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
โครงการที่ขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้
ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs กำหนดวงเงินลงทุนเพียง
500,000 บาท โดยต้องเสนอแผนลงทุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ยกระดับกระบวนการทำงาน
โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ เช่น การนำซอฟต์แวร์หรือระบบสารสนเทศอื่นๆ
เข้ามาบริหารจัดการทรัพยากรของกิจการ, การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
Machine Learning} การนำ Big Data มาใช้หรือการวิเคราะห์ข้อมูล
(Data Analytics), การนำซอฟต์แวร์หรือระบบสารสนเทศมาใช้ในการเข้าสู่ระบบ
National E–Payment และระบบอื่นๆ ของหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในสัดส่วนร้อยละ 50
ของเงินลงทุน โดยยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565