การทำธุรกิจอะไรก็ตาม มีความเป็นไปได้น้อยมากที่คุณจะเป็นคนคิดทำเรื่องนี้คนแรก เพราะไม่ว่าคุณจะคิดอะไรได้ใหม่ ก็จะมีคนที่คิดและลองทำไปแล้วทั้งสิ้น ซึ่งข้อดีของสิ่งนั้นคือ คุณจะได้มองเห็นต้นแบบตัวอย่าง และไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง คุณจะเห็นภาพของรูปแบบธุรกิจเหล่านั้นชัดเจน ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเพิ่มหรือจะลดในส่วนไหนให้ธุรกิจของคุณดีกว่าที่มีอยู่ โดยรูปแบบของ การทำธุรกิจ Startup นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมดประมาณ 7 รูปแบบด้วยกันดังนี้ ซึ่งถ้าคุณเรียนรู้ไว้และศึกษาจากเหล่าผู้ที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ล่ะก็ จะทำให้จุดเริ่มต้นของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ
1.Subscription Model รูปแบบธุรกิจ Startup ตัวแรกจะเป็นแบบการขายการกดติดตาม ซึ่งจะแตกต่างจากการขายทั่วๆ ไป สินค้าปกติจะมีลักษณะขายขาดจ่ายเงินไปได้ของทันที และใช้งานได้ตลอดไป แต่สินค้าประเภทนี้จะเป็นการขายแบบสมาชิก คือ ซื้อครั้งเดียวสามารถใช้งานทุกส่วนในระบบได้ แต่จะต้องจ่ายเงินอีกครั้งเมื่อหมดเวลา โดยมีลักษณะเก็บเงินรายเดือนแล้วจะได้สิทธิพิเศษต่างๆ
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Netflix, Primetime, Apple Music
2.Freemium Model รูปแบบธุรกิจแบบนี้จะเป็นการให้บริการแบบฟรี แต่มีข้อจำกัดบางอย่างเกิดขึ้นสามารถใช้งานได้ก็จริง แต่จะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างอยู่ด้วยซึ่งข้อดีคือ ผู้ใช้งานจะได้รู้ว่าสิ่งนี้เหมาะกับตัวเองหรือไม่ และควรจะตัดสินใจเสียเงินให้รึเปล่า ใช้งานไปสักพักอาจจะมีโฆษณาขั้น หรือมีระบบต่างๆ ที่ต้องเสียเงินถึงจะปลดล็อก
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Spotify, Dropbox, Joox
3.Free Model อีกหนึ่งรูปแบบธุรกิจยอดฮิตของ Startup แบบโนเนมที่ไม่มีฐานแฟนคลับรองรับ มักจะเปิดให้บริการแบบฟรีทั้งระบบไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่อาจจะมีโฆษณาเข้ามาให้กวนใจแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือคุณอาจจะต้องจ่ายเป็นข้อมูลส่วนตัวให้กับเขาแทน
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Facebook, Google
4.Marketplace Model รูปแบบนี้คุณอาจจะได้เห็นเยอะมากในประเทศไทย รวมถึงมีธุรกิจระดับโลกที่ประสบความสำเร็จอีกมากมายที่ใช้รูปแบบธุรกิจนี้ เพราะมันทำง่ายและได้ผลตอบแทนสูงมากเพียงเปิดตลาดออนไลน์เป็นเว็บไซต์แพลตฟอร์มที่ให้คนมาลงขายสินค้า และบริการอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งให้ทั้งคนซื้อและคนขายมาเจอกันง่ายต่อการเข้าถึง ก็พร้อมจะมีผู้ใช้บริการ
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Lazada, Shopee, Alibaba
5.The Access-over-Ownership Model รูปแบบธุรกิจนี้จะแตกต่างจากข้อ 4 เล็กน้อยตรงที่ เป็นธุรกิจตัวกลางที่จะนำพาให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการจากเจ้าของตัวจริงได้เลยทันที ซึ่งคุณจะได้ส่วนแบ่งจากการเก็บรายได้จากค่าบริหารจัดการในภายหลังนั่นเอง
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : AirBNB
6.Hypermarket Model เป็น Startup ที่นำเอาอำนาจทางการตลาดขนาดใหญ่และมีสินค้าที่น่าสนใจมากมายมารวมไว้ในที่เดียวและที่สำคัญคือ ขายต่ำกว่าทุนเพื่อเป็นการเรียกให้คนเข้ามาใช้บริการเหมือนแมคโครแต่เป็นรูปแบบของออนไลน์นั่นเอง
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Amazon
7.Ecosystem Model สุดท้ายแล้วรูปแบบของธุรกิจ Startup ที่น่าสนใจก็คือ การผูกมัดให้ใช้บริการของคุณทุกขั้นตอนสามารถเชื่อมโยงทุกระบบของสินค้าคุณเข้าหากันเพื่อความง่ายดายตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าและต่อเนื่องกันอย่างไม่มีสะดุด ถ้าคุณสามารถทำให้เค้ายึดเอาสินค้าคุณเป็นศูนย์กลางจักรวาลได้ ก็จะทำให้คุณผูกขาดสินค้าทุกตัวแต่เพียงคนเดียว สร้างระบบการพึ่งพาที่ยากต่อการปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น
ตัวอย่างรูปแบบธุรกิจ : Google, Apple
ทั้ง 7 รูปแบบธุรกิจนี้คุณเองจะต้องเลือกเป็นอย่างแรกว่าจะลงทุนในธุรกิจคุณแบบใด เพื่อให้มองเห็นช่องทางการสร้างเงินและมองเห็นถึงการพัฒนาต่อไปว่าจะไปทางไหน รวมทั้งมันจะทำให้ง่ายต่อการต่อยอด เพราะคุณมีต้นแบบยักษ์ใหญ่ให้มองเป็นตัวอย่าง
ทักษะผู้นำเฉพาะตัวที่ช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้อย่างมืออาชีพ
5 ความกล้าที่ผู้นำทุกคนต้องมี
6 สิ่งที่ “ผู้นำ” ทำแล้วมีเสน่ห์
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333