ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่วนหนึ่งมาจากการผลิตและบริโภคโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา หนึ่งในเทรนด์สตาร์ทอัพที่กำลังมาแรงในยุคนี้จึงหนีไม่พ้น ‘สตาร์ทอัพสายเขียว’ หรือ ‘สายรักษ์โลก’ เห็นได้จากที่ต่างประเทศมีธุรกิจสตาร์ทอัพสายรักษ์โลกที่น่าจับตามองมากมายมาซักพักใหญ่ และในประเทศไทยที่เริ่มจะผุดขึ้นมาให้ผู้บริโภคให้เห็นกันบ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เหตุผลที่สตาร์ทอัพสายรักษ์โลกกำลังมาแรง
หลายปีที่ผ่านมานี้ได้มีการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องภาวะโลกร้อน
และกระแสรักษ์โลกจากหลากหลายประเทศทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ ‘ประเทศไทย’
แม้ว่าจะยังไม่ได้จริงจังและแพร่หลายเท่าต่างประเทศ
แต่ก็ส่งผลถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการตัดสินใจบริโภคของผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย
เนื่องจากข้อมูลการศึกษาได้ทยอยเปิดเผยให้ผู้คนได้ตระหนักมากขึ้น เช่น
วัตถุดิบยอดฮิตในการผลิตอย่างพลาสติกมีเพียงแค่ 5%
เท่านั้นที่จะถูกนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ส่วนอีก 40% จะกลายเป็นขยะบนพื้นดิน
และที่เหลือกลายเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทร หรือแม้แต่ผักและผลไม้ที่ถูกเก็บเกี่ยวหลังถูกคัดเลือกคุณภาพ
มีจำนวนมากกว่า 45% ที่จะถูกนำไปทิ้งแทนที่จะมอบให้แก่ผู้ยากไร้
ส่งผลถึงเรื่องสิ้นเปลืองพลังงานและต้นทุนในการกำจัดขยะเหล่านี้ ฯลฯ
ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่เริ่มหันมาใส่ใจมากขึ้น
ผู้ประกอบการบางส่วนก็เริ่มเล็งเห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
และต้องการสนับสนุนการประกอบธุรกิจแบบคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมสตาร์ทอัพสายรักษ์โลกถึงกำลังมาแรง
และจะแรงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด
สำรวจความต้องการของผู้บริโภคสายรักษ์โลก
จากงานวิจัยของ CMMU ว่าด้วยเรื่อง “วิจัยการตลาดโลกสวย Voice
of Green : เพื่อโลก เพื่อเรา”
ได้มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง โดยแบ่งผู้บริโภคออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
สายกรีนตัวแม่, สายกรีนตามกระแส, สายสะดวกกรีน และสายโนกรีน พบว่าผู้บริโภคกว่า
74% ที่เริ่มปรับทัศนคติ-ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ตอบโจทย์กับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ไปจนถึงใส่ใจการเลือกผลิตภัณฑ์ เช่น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม
ลดการใช้ถุงพลาสติก รวมถึงพกแก้วและหลอดไปทานนอกบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ มีจำนวนผู้บริโภคกว่า
37.6% ที่มองหาและเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
โดยในกลุ่มตัวอย่างของผู้บริโภคมีเพศที่นิยมกระแสรักษ์โลกมากที่สุด
ได้แก่ ผู้ชาย 33.7% และผู้หญิง 67.3% ช่วงวัยที่นิยมมากที่สุด คือคนรุ่นใหม่ Gen Y (23-38ปี) รองลงมาเป็นกลุ่มคนวัยทำงานอย่าง GEN
X (39-54ปี)
ความคิดของผู้บริโภคสายรักษ์โลก
ส่วนใหญ่กระแสรักษ์โลกในปัจจุบันมักจะมาจากการค้นข้อมูลและการรณรงค์จากหน่วยงาน
มากกว่าข้อมูลที่ได้จากทางแบรนด์ มุมมองของผู้บริโภคสายรักษ์โลกในประเทศกว่า 79% จึงมองว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำเพื่อตอบโจทย์สายรักษ์โลกมาจากการทำเพื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์มากกว่า
รองลงมาคือทำเพื่อลดต้นทุน
โดยรวมแล้วผู้บริโภคภายในประเทศยังคงไม่เชื่อใจในแบรนด์เท่าไหร่นักว่า
ทำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเพราะเกิดจิตสำนึกต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศจะมองในแง่ของการชื่นชมมากกว่า ดังนั้นในการขับเคลื่อนนโยบายกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
ไปจนถึงการสื่อสารถึงผู้บริโภคขององค์กรธุรกิจต่างๆ ควรทำด้วยความจริงใจ และแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อการรักษ์โลก
รวมถึงควรปลูกฝังและกระตุ้นจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ใส่ใจในเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
แนวธุรกิจสายรักษ์โลกที่น่าจับตามอง
ดังนั้นหากคุณกำลังสนใจธุรกิจแนวรักษ์โลก
เราอยากให้คุณลองติดตามข่าวสารธุรกิจประเภทนี้จากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม, อาหารออร์แกนิค,
ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, ผลิตภัณฑ์อย่างยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด,
แพ็กเกจที่ย่อยสลายได้ง่ายหรือสามารถทานได้, ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลที่มีดีไซน์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ฯลฯ และธุรกิจอื่นๆ ที่กำลังเกิดใหม่ในต่างประเทศจะน่าจับตามองเป็นพิเศษ
เพราะส่วนใหญ่เป็นแนวคิดไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
ถึงตรงนี้ หากนึกภาพไม่ออกว่า สตาร์ทอัพสายรักษ์โลก จะไปได้แรงขนาดไหน ลองถามตัวเองดูว่า จากที่เมื่อก่อนพวกเราใช้พลาสติกเป็นหลัก โดยเฉพาะถุงพลาสติกที่ทุกบ้านต้องได้รับจากร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันแทบไม่มีถุงเหล่านั้นให้เห็น ซึ่งแม้จะเป็นผลจากนโยบายของรัฐก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กระแสรักษ์โลกกำลังวนอยู่รอบตัวคุณอยู่นั่นเอง