ทุนไทยเร่งปรับตัว หลังกัมพูชาถูกตัด GSP

หลังจากนี้ 6 เดือนกัมพูชาต้องเร่งหาทางออก จากกรณีที่สหภาพยุโรปพิจารณาถอนสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร (Everything But Arms: EBA)  สินค้าที่นำเข้าจากกัมพูชารวม 30 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรองเท้า พลาสติก และน้ำตาล ซึ่งผลจากการตัดสิทธิ์จะทำให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าสินค้าสินค้าไปอียูต้องเสียภาษีนำเข้า 12% ส่วนรองเท้าต้องเสียภาษี 8% และน้ำตาล 4.60 ยูโร ต่อ 100 กิโลกรัม นับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป

เหตุผลสำคัญมาจากปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนและแรงงาน สิทธิในการแสดงออกทางการเมืองโดยเฉพาะการยุบพรรคฝ่ายค้าน การละเมิดสิทธิมนุษยชนในทางการเมือง ที่มีการจับกุมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน (Mr. Kem Sokha) นักการเมืองฝ่ายค้านและสื่อมวลชนหลายคน

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ย้อนกลับไปดูสถานการณ์การส่งออกของกัมพูชาช่วงที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ EBA มากประเทศหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วน 18% ของการใช้สิทธิทุกประเทศที่มีสิทธิในปี 2561 โดยกัมพูชาส่งออกไปอียูรวม 5,300 ล้านยูโร หรือ 170,000-180,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้สินค้าที่ส่งออกส่วนใหญ่กว่า 78% เป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป มูลค่า 4,000 ล้านยูโร หรือ 135,000-140,000 ล้านบาท รองเท้า มูลค่า 700 กว่าล้านยูโร คิดเป็น13% ขณะที่น้ำตาลที่ส่งไปอียูยังมีมูลค่าไม่มากนัก

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ออกรายงานประเมินผลกระทบต่อนักธุรกิจไทยจากกรณีกัมพูชาถูกตัด EBA ไว้ 2 กรณี คือผลกระทบทางตรง ในระยะ 6 เดือนหลังระงับสิทธิ จะทำให้นักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาเพื่อส่งออกไปอียู ในกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม 6 บริษัท อาจถูกยกเลิกการจ้างผลิตทั้งหมด หรือลดปริมาณการสั่งซื้อ และบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกและชิ้นส่วนพลาสติกบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก 1 บริษัท ที่ได้เข้ามาลงทุนในกัมพูชาเพื่อจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับโรงงานสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา ซึ่งฐานลูกค้าอาจลดลงเนื่องจากการหยุดหรือย้ายฐานการผลิตของลูกค้า

ส่วนผลกระทบทางอ้อมจะเกิดขึ้นหลังจากตัดสิทธิ 1 ปีขึ้นไป ธุรกิจไทยที่ลงทุนกับกัมพูชา อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตสินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และรองเท้าไปยังประเทศอื่นพอสมควร ทำเกิดการเลิกจ้างงาน ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานในอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ประมาณ 750,000 คน

หากนับรวมครอบครัวแรงงาน จะมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 2 ล้านคน ไม่เพียงเท่านั้นประเด็นนี้จะทำให้เงินทุนหมุนเวียนจากค่าแรง และวัตถุดิบในประเทศจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มใหญ่จะลดลง ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่เกิดจากการส่งออกจากประเทศไทย และจากการลงทุนของไทยในกัมพูชาได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ทั้งนี้ บริษัทไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบควรดำเนินการมองหาฐานการผลิตแห่งใหม่ ถ้าไม่ย้ายฐานการผลิตต้องรักษาความสัมพันธ์กับผู้ซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จ้างผลิตไว้ เพื่อขอรับคำสั่งซื้อเช่นเดิมแต่ส่งออกไปประเทศที่ไม่ใช่สหภาพยุโรปต่อไป หรืออาจจะปรับการสร้างแบรนด์เป็นของตนเองแล้วส่งกลับมาขายประเทศไทย และตลาดอื่นๆ ส่วนผู้ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่ส่งออกไปกัมพูชา ต้องพยายามรักษาคุณภาพและความนิยมสินค้าของตนเองให้แข็งแกร่งกว่าเดิม และเร่งขยายฐานลูกค้าโดยใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายและราคาให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปีนี้ อียูมีกำหนดจะมาตรวจสอบกัมพูชาอีกครั้งว่าปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในการแก้ไขปัญหาด้านการเมืองและสิทธิมนุษยชนได้หรือไม่  หากทางรัฐบาลกัมพูชาสามารถแก้ปัญหาได้ เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แต่หากเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามย่อมทำให้อียูเดินหน้าการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีต่อไป นั่นย่อมจะหมายถึงผลกระทบต่อภาคการผลิตที่อาจต้องปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งมีโอกาสจะกระทบต่อแรงงานกัมพูชาและภาพรวมเศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นใจของนักลงทุนในกัมพูชา

หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลกัมพูชาได้เจรจาความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีกับจีน (เอฟทีเอกัมพูชา-จีน) เพื่อหาตลาดสำรองทดแทนความเสียหายที่เกิดจากอียู ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่านักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในกัมพูชา จะมีโอกาสได้ใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้จริงหรือไม่เพราะอย่างไร "จีน" ไม่ใช่ตลาดนำเข้าเครื่องนุ่งห่มเทียบเท่ากับสหรัฐ แต่จีนถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องนุ่งห่มส่งออกไปสหรัฐฯ เสียมากกว่า

มิงกาลาบา! เมียนมาปรับโฉมรับลงทุน 2020

สอดส่ายหาโอกาสธุรกิจขนมขบเคี้ยวในเวียดนาม

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<