มองใหม่! ตลาดบริโภคกัมพูชากำลังเปลี่ยนไป

กัมพูชา ก็เป็นเหมือนประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 แม้ปัจจุบันจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มากนักและส่วนใหญ่ก็รักษาหายแล้ว แต่จากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้ทุกธุรกิจเกิดอาการระส่ำระสายและไม่มีความมั่นใจว่าจะดำเนินธุรกิจ ประเทศขาดรายได้ไปหลายส่วน อาทิ การลงทุนตรงจากต่างชาติหรือ FID ที่มีสัดส่วนต่อ GDP ของกัมพูชาถึงร้อยละ 13 การขาดรายได้ภาคท่องเที่ยว การจ้างงานลดลง ตลอดจนถึงการส่งออกในตลาดยุโรปก็เจอมาตรการด้านภาษีนำเข้า ทำให้ทุกวันนี้ สถานการณ์ในกัมพูชานับว่าไม่สู้ดีนัก ธนาคารโลกคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในปี 2020 นี้ว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ0.4 นับเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 11 ปี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาสินค้าในในตลาดกัมพูชานับว่าเกิดโอกาสที่ดีไม่น้อย เพราะจากตัวเลขการค้าขายแดนไทยกัมพูชาซึ่งเติบโตสวนกระแส เพราะช่วงที่ผ่านมาคนกัมพูชามีการซื้อสินค้ากักตุน เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้ในชีวิตประจำวัน แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานนักแต่ก็สร้างโอกาสในสินค้าไทยได้มากพอสมควร

ที่สำคัญความนิยมของสินค้าไทยยังเป็นสินค้าที่อยู่ในใจของคนกัมพูชา หากเทียบกับสินค้าจีน โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม ช่วงโควิด 19 ร้านอาหารจีน ร้านกาแฟ ชานมของจีนปิดตัวลงเกือบ 100% เพราะคนกัมพูชาไม่กล้าเข้าร้านของคนจีน หรือแม้แต่ร้านอาหารที่คนจีนนิยมไปกิน หรือซื้อสินค้าของจีน เพราะกลัวการติดเชื้อ ที่ผ่านมาจึงเป็นโอกาสของสินค้าไทยอย่างมาก

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

หากเปรียบเทียบสินค้าไทยกับสินค้าจีน ถือว่าสินค้าไทยจะคงมีโอกาสที่แจ่มใส เพราะคนกัมพูชาชอบสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การใช้สินค้าจากจีนยังไม่กล้าเพราะกลัวเป็นสินค้าที่มีเชื้อโรคปะปนมา หรือเป็นสินค้าที่ทางจีนทุ่มตลาดเพราะใกล้วันหมดอายุเป็นต้น

กลุ่มสินค้าที่กัมพูชาต้องการนำเข้าจากไทย

1. กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม

2. กลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง สินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม

3. กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า

4. กลุ่มสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน ฯลฯ

5. กลุ่มยารักษาโรค

6. กลุ่มวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องประดับตกแต่งบ้าน

7. ธุรกิจโลจิสติกส์ สินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

8. ธุรกิจขายสินค้าผ่าน platform ต่างๆ หรือการขายสินค้าแบบ digital marketing

9. ธุรกิจบริการเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในการทำการตลาดผ่าน digital marketing

การขยายตลาดในประเทศกัมพูชาหลังโควิด 19

ในช่วงวิกฤติโควิด 19 ผู้ประกอบการ/นักลงทุนในกัมพูชา เริ่มเรียนรู้และประจักษ์ว่า กัมพูชาต้องผลิตสินค้าในประเทศของตน พึ่งพาตนเองให้ได้ จะพึ่งแต่การนำเข้าเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะหากเกิดการปิดประเทศจะทำให้คนกัมพูชาขาดแคลนเสบียงในประเทศ นอกจากนี้การผลิตสินค้าในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า จะทำให้ราคาจำหน่ายสินค้าในประเทศลดลงด้วย จากค่าขนส่ง ภาษีนำเข้า ค่าภาษี VAT และกำไรของพ่อค้าคนกลาง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในกัมพูชา คือจะมีการตั้งโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเครื่องดื่ม การแปรรูปอาหาร สินค้าผลิตสบู่ ผงซักฟอก และของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยอาจเริ่มจากโรงงานขนาดเล็ก

ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์การขยายตลาดในประเทศกัมพูชาหลังโควิด 19 คือ เปลี่ยนมุมมองตลาดกัมพูชาใหม่ จากเดิมที่เป็นตลาดรองรับการผลิตของสินค้าไทย เปลี่ยนกัมพูชาเป็นฐานการลงทุนของไทย คนไทยควรมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การเข้ามาร่วมทุนกับธุรกิจท้องถิ่นในกัมพูชา การจัดตั้งโรงงาน การเข้าดำเนินการบริหารจัดการ หรือการขาย know How

ทั้งนี้ กระแสการใช้ชีวิตของคนหลังโควิด 19 หรือยุค New Normal ซึ่งคาดว่าคนกัมพูชาจะมีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การสังสรรค์ลดลง การใช้จ่ายเงินจะลดลงและระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสินค้าฟุ่มเฟือย ด้วยเหตุนี้ผู้ผลิตสินค้าไทยควรพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐานสูง รวมทั้งการใช้ช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ Digital Marketing ให้เป็นประโยชน์ เพราะแม้จะมีความเป็นไปได้สูงว่ามีแนวโน้มที่สินค้า และบริการในเวียดนามจะปรับตัวและเน้นการพึ่งพาตนเองมากขึ้น แต่ความสำคัญของสินค้าไทยในตลาดบริโภคกัมพูชายังมีอยู่มาก แต่การปรับตัวสู่ New Normal ของผู้บริโภคในกัมพูชา ก็เป็นโจทย์ใหม่ที่ผู้ประกอบการค้าในกัมพูชาต้องปรับกลยุทธ์และปรับตัวใหม่เช่นกัน

แหล่งอ้างอิง : สำนักงานผู้แทนการค้าฯ ณ จังหวัดเสียมราฐ 

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<

เขตเศรษฐกิจพิเศษ ‘รัฐมอญ’ ประตูลงทุนบานที่ 3 ของเมียนมา 

แผนปฏิรูปมาเลเซีย มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี