ภายในการประชุมของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน
3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ล่าสุดเดือนเมษายน 2564 ได้วิเคราะห์สถานการณ์ระบาดของโควิด 19
และเศรษฐกิจของประเทศใน 3 เดือนนี้ไว้น่าสนใจ
โดยมีการคาดว่าการระบาดของโควิด 19 ระลอกเดือนเมษายน คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศอย่างน้อย 3 เดือน โดยจะกระทบแผนการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย และทำให้การกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 3 เดือนข้างหน้าทำได้ยากหรืออาจต้องเลื่อนออกไป รวมทั้งกระทบอย่างมากต่อกำลังซื้อ เพราะแรงงานในภาคบริการต้องหยุดหรือลดชั่วโมงการทำงาน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
จากอานิสงส์จากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ขยายตัวดีขึ้น
แม้หลายประเทศจะยังเผชิญวิกฤตโรคระบาด
แต่เครื่องชี้ภาคการผลิตและอุปสงค์ต่างประเทศกลับสะท้อน Momentum ที่มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ
สอดคล้องกับรายงานขององค์การการค้าโลก (WTO) ณ เดือนมีนาคม
ที่ประเมินว่า ปริมาณการค้าโลก (World Merchandise Trade) ในปี
2564 จะขยายตัวได้ถึง 8.0% เมื่อเทียบกับประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัว
7.2% อันจะเป็นผลดีต่อภาคการผลิตและการส่งออกของไทย ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าการประเมินครั้งก่อนด้วยเช่นกัน
รวมไปถึงมุมมองต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและมูลค่าการนำเข้าของคู่ค้าหลักของไทยในปี
2564 ที่มีทิศทางดีขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินครั้งก่อน โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน
และญี่ปุ่นที่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี
ปัญหาขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้าและค่าระวางเรือที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง
ยังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อความสามารถของผู้ส่งออกของไทยในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมาก
จากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จะส่งผลดีต่อแนวโน้มส่งออกของไทยในระยะต่อไป
เศรษฐกิจต่างประเทศส่อเค้าฟื้นตัว
ขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นชัดเจน
โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าค่อนข้างมาก
จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ทำได้รวดเร็ว ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลกมีทิศทางฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ประเมินไว้
สอดคล้องกับรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ในเดือนเมษายน ที่ได้ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2564
ว่าจะขยายตัว 6.0% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัว 5.5%
ทั้งนี้มติในที่ประชุม กกร.
จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นขยายตัวได้ในกรอบ 1.5% ถึง 3.0%
อย่างไรก็ตาม ประมาณการนี้ขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และมาตรการของรัฐที่มีขนาดกว่า
2 แสนล้านบาทที่จะเข้ามาเยียวยาเศรษฐกิจ โดยหากไม่มีเม็ดเงินดังกล่าว
จีดีพีจะไม่ขยายตัวหรือเติบโต 0% ด้านการส่งออก กกร.
ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 4.0% ถึง 6.0%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%
เห็นชัดว่า ‘วัคซีนโควิด’
ยังเป็นปัจจัยในการฟื้นตัวช่วงระยะเริ่มต้นของเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก แม้ล่าสุดภายใต้เงื่อนไขของเศรษฐกิจโลกและภาคการส่งออกที่เริ่มดีขึ้นอีกครั้ง
แต่ยังเป็นการขยายตัวในแบบ K-shape Recovery หรือการฟื้นตัวและหดตัวในบางธุรกิจ
ซึ่งภาพการไม่สมดุลนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว
เพื่อปรับแผนรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว