จีนมองไกลใช้ New Infrastructure ทางสู่มหาอำนาจเทคโนโลยี
ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เผยถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี สำหรับปี 2021-2025 ฉบับที่ 14 โดยแผนพัฒนาชาติฉบับล่าสุดให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีของชาติเป็นครั้งแรก โดยจะยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามเป้าหมายของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
‘จีน’ กำหนดเป้าหมายเป็นผู้นำด้าน
AI ภายในปี 2573 โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ได้แก่
ระยะที่ 1 ปี 2563 : บรรลุเป้าหมายการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
AI ทัดเทียมระดับสากล การวิจัยทฤษฎีและเทคโนโลยี New Generation AI มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม อุตสาหกรรม AI กลายเป็นปัจจัยใหม่ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงกว่า
150,000 ล้านหยวน และดึงการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้มีมูลค่าสูงกว่า
1,000,000 ล้านหยวน อีกทั้งใช้เทคโนโลยี AI เป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายหลักในการเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation-driven Nation) และมีสังคมที่มีความกินดีอยู่ดีระดับปานกลาง
(Moderately Prosperous Society) ในทุกด้าน
ระยะที่ 2 ปี 2568 :
ค้นพบสิ่งใหม่ด้านการวิจัยทฤษฎีพื้นฐาน AI โดยเฉพาะ AI ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self-learning
AI) ยกระดับอุตสาหกรรม AI ของจีนขึ้นสู่ส่วนยอดของห่วงโซ่คุณค่าโลก
(Global Value Chain) และมีมูลค่าสูงกว่า 400,000 ล้านหยวน
ดึงการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้มีมูลค่าสูงกว่า 5,000,000 ล้านหยวน
เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมและการบปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ
และเริ่มดำเนินการยกร่างกฎหมาย กฎระเบียบ บรรทัดฐานทางจริยธรรม
และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI
ระยะที่ 3 ปี 2573 : เป็นผู้นำด้านทฤษฎี เทคโนโลยี การประยุกต์ใช้
AI และเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม และแหล่งบ่มเพาะบุคลากร AI ของโลกอุตสาหกรรม AI ที่มีมูลค่าสูงกว่า
1,000,000 ล้านหยวน
และดึงการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้มีมูลค่าสูงกว่า 10,000,000 ล้านหยวน โดยจะทำให้กฎหมาย
กฎระเบียบ บรรทัดฐานทางจริยธรรม และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอัจฉริยะมีผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นพื้นฐานของการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ปัจจัยกระตุ้นรัฐบาลจีนเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย
สงครามการค้ากับสหรัฐฯ รวมถึงความตึงเครียดจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา
ทำให้เศรษฐกิจจีนเผชิญกับแรงกดดันและความเสี่ยงจากหลายปัจจัย จนกลายเป็นกระตุ้นให้รัฐบาลจีนเร่งดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ
ที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการพึ่งพาการส่งออกและเทคโนโลยีของต่างชาติ ไปสู่การพึ่งพาตนเองทั้งด้านการบริโภคภายในประเทศ
และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตนเอง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
(Digital Economy) การผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health and Life Science) และวัสดุใหม่ (New Materials)
New Infrastructure : หนึ่งในนโยบายของจีนที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในการประชุมสองสภาปี 2563
คือ แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ (New
Infrastructure) แผนการที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
เป็นระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2568 โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณสำหรับปี
2563 กว่า 563,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
New Infrastructure ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในการประชุมคณะทำงานของรัฐบาลกลางเมื่อเดือนธันวาคม
ปี 2562 ซึ่งเป็นแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมเทคโนโลยีหลายประเภท
เช่น AI, 5G, Internet of Things (IoT), รถไฟความเร็วสูง
เป็นต้น และเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563
คณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC)
ได้แถลงการณ์กำหนดขอบเขตเนื้อหาของ
New Infrastructure ไว้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐาน 3
ด้านหลัก ได้แก่
1. โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Information-based Infrastructure) แบ่งเป็น 3
ส่วนย่อย คือ
1.1
โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตและสารสนเทศ เช่น เทคโนโลยี 5G, เทคโนโลยี IoT Industrial Internet of Things
(IIoT) และระบบอินเทอร์เน็ตดาวเทียม
1.2
โครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI Cloud
Computing และ Blockchain
1.3
โครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผล เช่น Big Data Center
และศูนย์ประมวลผลข้อมูลอัจฉริยะ
2. การประยุกต์ปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิม (Converged Infrastructure) ด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น Internet Big Data AI และเทคโนโลยีอื่นๆ
เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมให้เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น
ระบบการขนส่งอัจฉริยะ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอัจฉริยะ
3. โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
นวัตกรรม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Innovative
Infrastructure)
Big Data Center ตัวแปรสำคัญ
การดำเนินงานตาม New
Infrastructure การสร้าง Big Data Center เป็นภาคส่วนสำคัญต่อการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมของจีน
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ได้ประกาศนโยบายโดยกำหนดให้หน่วยงานท้องถิ่นระดับมณฑล
เขตปกครองตนเอง และเทศบาลนครต่างๆ สนับสนุนการสร้าง Big Data Center ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และสนับสนุนให้ฝ่ายอุตสาหกรรมต่างๆ
หันมาใช้บริการ Cloud Computing เพื่อแบ่งปันข้อมูลในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะข้อมูลในภาคการผลิต
เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมเก่าและพัฒนาให้อุตสาหกรรมในประเทศยกระดับขึ้นเป็นอุตสาหกรรมดิจิทัล
โดย MIIT ระบุว่า Big Data Center จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมภาคสำคัญต่างๆ เช่น
วัสดุใหม่ (New Materials) สินค้าอุปโภคบริโภค
(Consumer Product) ข้อมูลดิจิทัล (Digital
Information) ก้าวข้ามอุปสรรคเชิงเทคนิคในการจัดการข้อมูลที่หลากหลาย และเมื่อ New Infrastructure มีความพร้อม จีนจะสามารถพัฒนาความเชื่อมโยงจนเกิดเป็นตลาดแลกเปลี่ยนข้อมูลภาคอุตสาหกรรม
(Industrial Data Trading market)
แผนการลงทุน New
Infrastructure ด้วยวงเงินกว่า 10,000,000 ล้านหยวน
แม้เป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังย่ำแย่
รวมทั้งงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลกลางที่ถูกปรับลดลงกว่าร้อยละ
9 จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่แผนการดังกล่าวกลับแสดงให้เห็นว่า จีนต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติโดยเร็วที่สุด
ผลักดันบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนให้เติบโตและสามารถแข่งขันในการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งการปรับเปลี่ยนนโยบายของจีนในครั้งนี้ อาจเป็นหนทางสู่การเพิ่มบทบาทที่สูงขึ้นในเวทีการแข่งขันทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกในอนาคต
แหล่งอ้างอิง :