แน่นอนว่าในมุมเศรษฐกิจ
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าในประเทศจีน คือความสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ
ซึ่งไม่เฉพาะแค่ในประเทศจีน แต่หมายถึงโอกาสทางเศรษฐกิจทั่วโลก
ข่าวการเสียชีวิตและการแพร่ระบาดที่ยังคงไม่มีทีท่าระงับลงได้ ถึงขนาดองค์การอนามัยโลกเตือนว่าการระบาดในประเทศจีนเข้าขั้น
"มีความเสี่ยงสูง" แม้ยังไม่ประกาศเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน"
ต่อความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติการระบาดทั่วโลก ซึ่งเป็นระดับการเตือนภัยที่เคยใช้กับการระบาดของไข้อีโบล่า
แม้การติดเชื่อจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2019 ทว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วยกลับประจวบเหมาในช่วง ‘วันหยุดเทศกาลตรุษจีน’ เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวจีน ผลจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในจีนที่เกิดขึ้นในมณฑลหูเป่ย รัฐบาลจีนได้ประกาศปิดการเข้าออกเมืองทั้ง 13 และสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทั่วประเทศ อีกทั้งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง และพิพิธภัณฑ์ ต่างพากันปิดให้บริการ การท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศถูกระงับ อุตสาหกรรมการขนส่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อู่ฮั่น กับความสำคัญทางเศรษฐกิจจีน
เมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ
7 ของจีน ถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของจีน มีท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแยงซีเกียงตอนล่าง
ถือเป็นศูนย์กลางการขนสินค้าในภูมิภาค
และมีรถไฟความเร็วสูงเดินทางไปเมืองสำคัญต่างๆ ในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก
รวมทั้งกรุงปักกิ่งกับนครเซี่ยงไฮ้ ทำให้ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกเมืองอู่ฮั่นเป็นจำนวนมาก
ในด้านเศรษฐกิจนั้น
อู่ฮั่นเป็นเมืองศูนย์กลางด้านคมนาคมและอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน จนถูกเรียกว่า
“เมืองแห่งยานยนต์” เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์จาก Nissan, PSA, Honda, General Motors, Geely และ Renault
รวมถึงซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์อีกมากมาย
โดยปกติผู้ผลิตรถยนต์จะถือสต็อคชิ้นส่วนรถยนต์ไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เนื่องจากใช้ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just-in-Time
Production Systems) ซึ่งจะสั่งชิ้นส่วนรถยนต์จากซัพพลายเออร์ตามจำนวนออเดอร์ผลิตรถยนต์เท่านั้น
ทำให้การปิดเมืองอู่ฮั่นจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนอย่างแน่นอน
ในส่วนของตัวเลข GDP นั้น ในปี 2562 ประมาณการว่า GDP ของเมืองอู่ฮั่นมีมูลค่า 1.6 ล้านล้านหยวน เติบโต 7.8% จากปีทีผ่านมา
และคิดเป็น 4% ของ GDP ของทั้งประเทศจีน ในปี 2562
เมืองอู่ฮั่นมีมูลค่าการนำเข้าส่งออก 2.44 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.7% จากปีก่อน
นับเป็นมูลค่าสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ โดยการส่งออกมีมูลค่า 1.36 แสนล้านหยวน
เพิ่มขึ้น 7.1% จากปีก่อน และการนำเข้ามีมูลค่า 1.07 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 23.3%
จากปีก่อน
เห็นได้ชัดว่า ‘อู่ฮั่น’ เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน
ดังนั้นการปิดเมืองย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างแน่นอน โดยเรื่องนี้นักวิเคราะห์คาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น จะกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในภาพรวม
โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกและท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกจะต่ำกว่า
6% ตามที่ทางรัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้
และการเติบโตของยอดค้าปลีกจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 7.2% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8%
ขณะเดียวกันต่างเห็นตรงกันว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าโรคซาร์สในปี 2546
ซึ่งในครั้งนั้นส่งผลให้ยอดจองโรงแรมในประเทศจีนลดลง 60%
ยอดเที่ยวบินระหว่างประเทศในพื้นที่เสี่ยงลดลง 70% ส่งผลกระทบต่อจีดีพีจีนถึง 2%
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price
Index, CPI ) และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index,
PPI) นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการขยับเพิ่มสูงขึ้นเหมือนกับในช่วงการระบาดของโรคซาร์ส
โดยในปี 2546 นั้นพบว่าดัชนีราคาผู้บริโภคได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ ราคาผักสดที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2546 กอปรกับเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคในส่วนของสินค้าเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ มีการปรับตัวขึ้นสูงที่สุดกว่าสินค้าชนิดอื่น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มยาจีนปรับตัวสูงขึ้นถึง 11.4% และดัชนีราคาผู้ผลิตในช่วงปลายปี 2545 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ดัชนีราคาผู้ผลิตยังคงปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ขยายตัว มีการปรับตัวลดลงเนื่องจากอุปสงค์ต่อสินค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย
ปัจจุบันสถานการณ์การแพรระบาด ยังไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์และผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ชัดเจน
เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่และมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง อาทิ
เรื่องสงครามการค้าจีน -สหรัฐฯ ที่ยังคงดำเนินอยู่ แต่สิ่งได้รับผลกระทบแน่นอนคือ เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกของปี
2563 เนื่องจากการสั่งปิดเมืองทั้ง 13 เมือง การสั่งยกเลิกกิจกรรมเฉลิมฉลองตรุษจีน
และการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสแรกจะต่ำกว่า 6%
ตามที่ทางรัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้
และการเติบโตของยอดค้าปลีกจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 7.2% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8%
ส่วนผลกระทบต่อประเทศไทยที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่างสายการบิน
และโรงแรม ที่พัก โดยจากสถิติของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ระบุว่าในช่วงไตรมาสแรก ปี 2562 (มกราคม มีนาคม 2562)
ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทั้งหมดรวม 3.12 ล้านคน สร้างรายได้
1.72 แสนล้านบาท
ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวในไตรมาสแรกนี้จะหายไปเกือบ
100% อย่างแน่นอน
ดังนั้นผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในไตรมาสอื่นเพื่อมาชดเชย
สำหรับสถานการณ์ส่งออกของสินค้าไทยขณะนี้
สินค้าที่จีนหยุดนำเข้าในทันทีจากการปิดเมืองต่างๆ ได้แก่ กล้วยหอม และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
ยังคงมีการปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อการนำเข้า สินค้าผลไม้สดที่เน่าเสียได้ง่ายอื่นๆ
เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ส่วนสินค้าอื่นคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก และการปิดเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเลกทรอนิกส์
อาจจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการที่จะมีการสั่งสินค้าทดแทนในระยะสั้นนี้ได้
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว
: World Health
Organization
: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)