‘กฎหมายต้านผูกขาดจีน’ สู่การปรับตัว Big Tech แดนมังกร
เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม
ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐของจีน (State Administration
for Market Regulation : SAMR) ซึ่งกำกับดูแลด้านการผูกขาดตลาด
ได้สั่งให้บริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์
ยกเลิกการครอบครองลิขสิทธิ์เพลงแต่เพียงผู้เดียว และสั่งปรับเทนเซ็นต์โทษฐานดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ต่อต้านการแข่งขัน
ขณะที่รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าควบคุมบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตภายในประเทศ
นอกจากนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ‘อาลีบาบา’ ก็ถูกสั่งปรับเป็นมูลค่าสูงถึง 2.8
พันล้านเหรียญสหรัฐ
หลังหน่วยงานกำกับดูแลด้านการต่อต้านการผูกขาดสรุปว่าบริษัทมีพฤติกรรมเหมือนผูกขาดการค้า
โดย ‘อาลีบาบา’ ถูกกล่าวหาและนำสืบได้ว่า
ตั้งแต่ปี 2015 ได้อาศัยกลไกการตลาดสนับสนุนแพลตฟอร์มธุรกิจของตน
โดยการขอให้ธุรกิจในอาณัติต้องขายสินค้าเพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้น ไม่ให้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของคู่แข่ง
ซึ่งเรียกกันว่า ‘2 เลือก 1’
ในทำนองเดียวกัน ‘อาลีบาบา’ ยังใช้กลยุทธ์ทางด้านเทคนิค เพื่อธำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของตนในการช่วงชิงความได้เปรียบทางการตลาดอย่างผิดปกติวิสัย เป็นพฤติกรรมอันขัดต่อกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำไม? จีนต้องใช้กฎหมายต้านผูกขาด
แนวปฏิบัติเพื่อต่อต้านการผูกขาด (Anti-monopoly guidelines)
หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของรัฐบาลจีน (SAMR) ได้เปิดเผยกฎใหม่ในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีน เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์
ที่ผ่านมา โดยเน้นการกำกับพฤติกรรมการผูกขาด เช่น กำหนดให้บริษัท Internet ต้องจัดทำบัญชีอธิบายการใช้และแยกแยะข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้
เพื่อไม่ให้เก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายและลงลึกในเชิงพฤติกรรมมากจนเกินควร จนทำให้สามารถครอบงำตลาดได้
นอกจากนี้ยังห้าม e-Commerce Platform
ไม่ให้ตั้งราคาขายในกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันหรือกำหนดช่องทางการขายของผู้ค้า
โดยผู้ที่ละเมิดกฎหมายนี้อาจถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ ทรัพย์สินทางปัญญา
หรือเทคโนโลยีด้วย
กฎเกณฑ์สำหรับธุรกิจ Online
Payment
ร่างกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันการชำระเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่เผยแพร่เมื่อวันที่
20 มกราคม ที่ผ่านมา มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการต่อต้านการครอบงำตลาด
บนรูปแบบการทำธุรกิจ Online Payment โดยบริษัทที่จะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
คือ Alibaba และ Tencent เจ้าของบริการชำระเงิน
Alipay และ WeChat Pay ตามลำดับ
ซึ่งในประเด็นเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อรายย่อยออนไลน์
ทางการจีนมีแนวโน้มที่จะออกมาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นต่อไป
เพื่อบรรเทาปัญหาหนี้สินภายในครัวเรือนที่เร่งตัวขึ้นและช่วยเพิ่มเสถียรภาพในระบบ
ทำให้กลุ่ม Fintech ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
เนื่องจากต้องเตรียมทุนสำรองเพื่อปล่อยกู้ออนไลน์มากขึ้น
ถูกจำกัดสัดส่วนของสินเชื่อออนไลน์ และถูกจำกัดการให้บริการสินเชื่อข้ามภูมิภาค
เช่น Ant Group มีการปล่อยสินเชื่อกระจายไปยังเมืองต่างๆ
มากกว่า 200 เมือง รวม 2 ล้านล้านหยวน ดังนั้น กฎเกณฑ์ใหม่นี้จึงเพิ่มความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
และกดดันความสามารถในการทำกำไรของ Ant Group ให้ลดลง
ขณะที่ประเด็นเรื่องกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ Antitrust
และ Online payment ทางการจีนยังมีแนวโน้มเข้าควบคุมการผูกขาดของกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนต่อไปเช่นกัน
เพื่อให้ตลาดเกิดการแข่งขันอย่างยุติธรรม
และไม่ให้บริษัทเหล่านี้มีอำนาจต่อรองทั้งกับผู้บริโภคและระบบเศรษฐกิจจีนมากเกินไป
ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการเข้ามาแข่งขันของบริษัทขนาดเล็กในตลาดมากขึ้น
‘ทุน’ ที่ขยายตัวไม่เป็นระเบียบอาจก่อให้เกิดอันตราย
โดย Tian Lihui อาจารย์ด้านการเงินจาก
Nankai University ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Economic
Daily ว่า การเติบโตของธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่เป็นเหมือนดาบสองคม หากการขยายตัวของทุนเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ
จะทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคม แต่หากขยายตัวไม่เป็นระเบียบ
จะทำให้เกิดการผูกขาดที่ขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ
Zhu Ning นักวิจัยจาก Tsinghua
University กล่าวว่า การขยายตัวและเติบโตของทุนที่ไม่เป็นระเบียบ
เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ ผู้บริโภค และสังคมโดยรวม
การขยายตัวของทุนที่ไม่มีการกำกับควบคุม
จะทำให้สังคมหันเหออกจากเส้นทางความก้าวหน้าและการพัฒนาเทคโนโลยี
ไปสู่หนทางที่จะแสวงหากำไรแบบง่ายๆ ใช้ทุนไปเพิ่มธุรกรรมและขยายฐานลูกค้า
แต่กลับละเลยการสร้างนวัตกรรมต้นแบบทางเทคโนโลยี
นอกจากนี้สื่อมวลชนจีนได้ยกตัวอย่างการขยายทุนแบบไม่เป็นระเบียบ
คือกรณีที่ อาลีบาบา หรือ Meituan ยักษ์ใหญ่ส่งอาหาร
เข้าสู่ธุรกิจแบบ ‘การสั่งซื้อแบบรวมกลุ่มชุมชน’ ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ
สามารถรวบรวมการซื้อสินค้าของชำหรือของจำเป็นต่างๆ เข้าด้วยกัน แล้วก็ไปซื้อกับผู้ค่าส่งโดยตรง
ทำให้ได้ราคาถูกที่สุด
วิธีการจัดซื้อแบบนี้เป็นการก้าวข้ามคนขายสินค้าของชำในท้องถิ่น
แม้การซื้อสินค้าจากธุรกิจออนไลน์จะสะดวก แต่ก็ทำลายการจ้างงานในท้องถิ่น
และทำลายห่วงโซ่อุปทานอาหาร (Food Supply Chain)
แม้การใช้กฎหมายต้านการผูกขาดจะส่งผลกระทบต่อ
Alibaba
และ Tencent ให้หุ้นปรับตัวลดลงในระยะสั้น แต่สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนโดยรวมกลับมีแนวโน้มได้รับปัจจัยหนุน
หลังจากกฎระเบียบเรื่อง Antitrust และการปล่อยสินเชื่อออนไลน์มีความชัดเจนมากขึ้น
ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอนในการดำเนินธุรกิจสำหรับบริษัทจีนที่ตกเป็นเป้าหมาย และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องให้มีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไป
ในอนาคตทางการจีนยังมีแนวโน้มทยอยออกมาตรการต่างๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ต้องการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เช่น
การออกแผนเศรษฐกิจ 5 ปี และแผนระยะยาวจนถึงปี 2035 เป็นต้น
แหล่งอ้างอิง :
https://www.bangkokbiznews.com/
https://www.bangkokbiznews.com/