สำหรับนักศึกษาจบใหม่ หรือคนที่กำลังอยากจะย้ายงาน หนึ่งในคำถามสำหรับการสมัครเข้าทำงานสักที่ คงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า “ทำงานที่บริษัทใหญ่ดูมั่นคง หรือ บริษัทเล็กอบอุ่นเรียนรู้งานและเติบโตได้เร็ว” แบบไหนดีกว่า คำถามนี้อาจไม่ได้มีคำตอบที่แน่ชัดตายตัวขนาดนั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง แต่เราจะมาอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
บริษัทขนาดเล็ก
บริษัทขนาดเล็กที่อาจมีบุคลากรแค่ไม่กี่สิบคน
คุณอาจได้เข้าไปทำงานที่หลายคนอิจฉา มีอิสระในการทำงานสูง
ได้แสดงความสำมารถในการทำงานอย่างเต็มที่ และถ้ามีความสามารถสูง
อาจจะได้โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี
จากตำแหน่งพนักงานทั่วๆ ไปจะไต่ถึงระดับหัวหน้าหน่วยย่อยต่างๆ ได้ไม่ยาก และอาจจะได้ใช้ความสามารถควบคุมทีมงานได้อยู่หมัด(ซึ่งไม่ง่าย)พร้อมทั้งอาจจะได้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเร็วมากด้วย
ข้อเสียของบริษัทขนาดเล็ก
คือความมั่นคง และการยอมรับ และรวมถึงเงินเดือนและสวัสดิการอาจน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่
ที่สำคัญคือทีมงานอาจจะต้องคัดสรรมาให้สามารถทำงานได้หลากหลาย เพราะข้อจำกัดของธุรกิจขนาดเล็กคือเรื่องทรัพยากรบุคลที่จำกัด
ดังนั้นหากคุณเป็นหัวหน้างาน การรับคนต้องไตร่ตรองให้ดี อาจหาคนมีแววเก่งและฝึกฝนจนสามารถตอบสนองงานได้ตรงเป้าหมายทั้งอาจต้องหลากหลาย
เชื่อกันว่า
ธุรกิจขนาดเล็กจะหล่อหลอมให้คนเก่งขึ้น ซึ่งก็มีส่วนจริง คือจะมีโอกาสโชว์ศักยภาพได้เต็มที่
และไม่จริงคืองานทุกชนิดไม่ว่าจะอยู่องค์กรใหญ่หรือเล็กอยู่ที่การพัฒนาตัวเองและประสบการณ์
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องตายตัวเสมอว่าคุณจะเก่งขึ้น
บริษัทขนาดใหญ่
จบใหม่ หรือทำงานมาไม่กี่ปี
เป็นไปได้ยากว่า คุณไม่ได้เป็นหัวหน้างาน (นอกจากนามสกุลเดียวกับเจ้าของกิจการ) เพราะตำแหน่งที่คุณอยากได้อาจมีเจ้าของหรือต้องแข่งขันกับคนอีกจำนวนมาก
แต่หากเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมในบริษัทขนาดใหญ่ ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี
เพราะองค์กรใหญ่รายล้อมด้วยคนมีความสามารถสูง ซึ่งนั่นทำให้คุณมีแรงกระตุ้นที่มหาศาล
คุณจะได้รับความรู้ ความสามารถต่างๆ มากมาย ทักษะที่ไม่เคยรู้มาก่อนในหลายๆ ด้าน
ประสบการณ์ที่สำคัญในการทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่
คือการทำงานเป็นทีมและมีแผนการทำงานที่ชัดเจน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าคุณจะต้องเก่งคนเดียว
เพราะทีมคือหัวใจสำคัญในการทำงานกับคนหมู่มาก ที่สำคัญได้พัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ
เพราะการแข่งขันจะเกิดขึ้นในทุกช่วงของการทำงาน ใครแพ้
นั่นอาจหมายถึงคุณไม่ได้ไปต่อ
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอในกรณีที่ไม่เคยทำงานในบริษัทขนาดใหญ่
คือ วัฒนธรรมองค์กร หมายถึงค่านิยม แนวคิด แนวทางวิธีปฏิบัติ ขององค์กรนั้น ๆ
ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละองค์กร เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่อาจไม่ได้บอกกล่าวกันอย่างเป็นทางการ
แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้ สังเกต สอบถาม หรืออาจต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ
วัฒนธรรมจะมีทุกองค์กร หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่ก็ยากปฏิเสธว่าจำเป็น
เพราะวัฒนธรรมองค์องค์จะเป็นแรงผลักในการทำงานร่วมกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละองค์กรจะให้ความสำคัญในด้านใด เช่น อาจมีวัฒนธรรมการทำงานแบบไม่เสร็จ ไม่กลับบ้าน หรือการผลักความสนใจให้พนักงานมีส่วนร่วมกับแบรนด์สินค้าของธุรกิจ อาทิ บริษัทเกี่ยวกับความงามอาจส่งเสริมให้พนักงานดูหล่อ สวย สมกับแบรนด์ หรือบริษัทด้านไอทีจะส่งเสริมให้ภาพลักษณ์พนักงานดูทันสมัย เรื่องเหล่านี้คุณจะเห็นชัดในองค์กรขนาดใหญ่
คำถามที่พบบ่อย คือ จะเลือกอย่างไรดี
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีคำตอบอย่างที่คนถามอยากได้ยิน คืออะไรดีกว่า
แต่สามารถตอบได้ว่า ให้เลือกในสิ่งที่ ‘อยากเป็น’ ลองถามตัวเองดูว่าอยากเป็นอะไร สมมติเช่นอยากเป็นคนเก่ง
ก็ควรหางานที่จะสามารถพัฒนาฝีมือคุณและมีงานให้คุณได้เรียนรู้และแสดงฝีไม้ลายมือได้อย่างเต็มที่
ซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก
สำคัญอยู่ที่ว่าคุณจะไปทำอะไร
และทำอะไรได้ต่างหาก เพราะไม่ใช่แค่คนเลือกงาน สมัยนี้ ‘งานก็เลือกคน’ด้วย
ในมุมของคนเคยทำธุรกิจ จะมองบุคลากรเหมือนเครื่องมือ คือมองว่าจะใช้คนทำอะไร และอัพเกรดให้ดีขึ้นได้หรือไม่ สามารถใช้งานร่วมกับ ‘เครื่องมือ’ อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ด้วย