อยากให้ดู! Circular Economy ในมาเลเซีย ธุรกิจยั่งยืนโตได้จริง
บริบทของผู้บริโภคในมาเลเซียมีความคล้ายคลึงกับผู้บริโภคในประเทศไทย คือทุกวันนี้มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเริ่มมีการรวมกลุ่มทางสังคม เกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ โดยการนำแนวคิด ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ หรือ ‘Circular Economy’ มาใช้ในการทำธุรกิจ เช่น เกิดร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าแบบไม่มีบรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น อาทิ ร้านจำหน่ายของแห้ง และผลิตภัณฑ์ personal care ส่วนภาคธุรกิจในกระแสหลักหลายรายก็มีการปรับตัวสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ดี ตลาดดังกล่าวก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีความท้าทายหลายประการ กรณีตัวอย่างของการรวมกลุ่มทางสังคมและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ในมาเลเซียรวมทั้งความท้าทายที่เกิดขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Zero Waste Malaysia (ZWM) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่เติบโตขึ้นมาจากตั้งกลุ่ม Facebook ในปี 2559 และปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 20,000 คน ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันเกี่ยวกับความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน
(sustainable living) และทำให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคต่อร้านค้าที่ปราศจากบรรจุภัณฑ์
จากเดิมร้านค้าดังกล่าวมีจำนวนเพียง 6-7 ร้านในแถบคลังวัลเล่ย์
แต่ปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าที่อยู่ใน กลุ่มนี้ (zero-waste related store) มากกว่า 500 ร้านค้า
โดย ZWM ได้จัดพิมพ์รายชื่อร้านค้าและแผนที่ออนไลน์ (Zero Waste Map) ไปยังร้านค้า/สถานที่ที่ เกี่ยวข้อง อาทิ ร้านค้าปราศจากบรรจุภัณฑ์
ร้านบริการซ่อมต่างๆ และสถานที่ทำปุ๋ยหมักในชุมชน เป็นต้น นอกจากนี้
จะมีการมอบใบรับรองแก่ธุรกิจต่างๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Zero Waste
Saigon และ Zero Waste France ซึ่งมีการมอบใบรับรองแก่ธุรกิจ
โรงเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีการดำเนินการในแนวทางที่ยั่งยืน เพื่อนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
ร้านจำหน่ายน้ำยาซักผ้าที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์ : ร้าน
BYOB (Bring Your Own Bottle) ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจจากแนวคิดที่เห็นขวดน้ำยาซักผ้าจำนวนมากถูกนำไปรีไซเคิล
แต่การรีไซเคิลดังกล่าวทำให้เกิด carbon footprint และต้นทุนทางการเงิน
ทางออกที่สมเหตุสมผลมากกว่าจึงควรเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ ผู้ก่อตั้ง BYOB จึงได้ตัดสินใจเปิดร้านจำหน่ายน้ำยาซักผ้าที่ให้ลูกค้านำบรรจุภัณฑ์มาเอง 7
สาขา ในช่วง 2 ปีแรก แต่ต่อมาก็เหลือเพียง 2
สาขา เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากรับทราบเกี่ยวกับการรีไซเคิล
แต่ยังไม่เข้าใจหลักการนำกลับมาใช้ใหม่ ช่วง 3 ปีแรกในการดำเนินธุรกิจของ
BYOB จึงเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างลำบาก
แต่เมื่อสังคมเริ่มตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกมากขึ้นก็ทำให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัว
และปัจจุบัน BYOB ก็กลับมาเปิดสาขาได้เพิ่มขึ้นเป็น 4
สาขา
ร้าน Hive Bulk Foods : เป็นอีกร้านที่จำหน่ายอาหารประเภท
whole food และสินค้าอุปโภคโดยไม่มีบรรจุภัณฑ์ เริ่มดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี
2558 และประสบภาวะขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก
แต่ปัจจุบันสามารถขยายสาขาได้ 5 สาขา
ในแถบคลังวัลเล่ย์และกรุงกัวลาลัมเปอร์
ร้าน Olive Tree : เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติและสบู่
และมีบริการจัดส่งสินค้า Olive Tree จะให้ส่วนลดแก่ลูกค้าที่นำขวดของ
Olive Tree กลับมาคืน ทำให้ได้รับขวดคืนมาประมาณร้อยละ
30 ซึ่งร้านจะนำมาทำความสะอาดและส่งกลับไปใช้ใหม่ในสาขาต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีกล่องที่ทำขึ้นเองจากกระดาษรีไซเคิลสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริการจัดส่ง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการในกลุ่มตลาดนี้เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า
ร้านค้าปลีกที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์ในแบบที่ตนทำอยู่จะไม่มีอีกต่อไป
แต่แนวคิดดังกล่าวจะเข้าสู่การค้าปลีกกระแสหลัก (mainstream) เช่น NSK Trade City หรือ Tesco ที่มีส่วนจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์
โรงแรม Westin : ได้เริ่มงดให้บริการน้ำในขวดพลาสติก
แต่ได้ติดตั้งเครื่องกรองน้ำในห้องแทน ทำให้เกิดแรงต้านจากลูกค้าค่อนข้างมากในระยะแรก
อย่างไรก็ดีเมื่อโรงแรมให้ข้อมูลชี้แจงสาเหตุที่ไม่บริการน้ำในขวดพลาสติกอย่างต่อเนื่อง
ผ่านโทรทัศน์ในห้องพักและการพูดคุยกับลูกค้าที่ตั้งแต่ล็อบบี้ ก็ทำให้แขกที่เข้าพักยินดีร่วมมือมากขึ้น
การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
โรงแรมอื่นๆ ก็มีการบริการสบู่และแชมพูโดยใช้เครื่องจ่าย
นอกจากเรื่องความตระหนักรู้ของผู้บริโภคแล้ว
ความท้าทายอีกประการคือ สินค้าที่จำหน่ายอยู่ใน ร้านค้าไร้บรรจุภัณฑ์มักจะมีราคาแพง
ซึ่งเป็นประเด็นเรื่อง economy of scale ที่ธุรกิจจะมีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง
เมื่อธุรกิจขยายขนาดการผลิตมากขึ้น หรือได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น การหาผู้ผลิตสินค้าที่ยินยอมจัดส่งสินค้าที่ไม่ใช้บรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย
ร้านจำหน่ายสินค้าไร้บรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องหาผู้ผลิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตในท้องถิ่น
แต่ผู้ผลิตบางส่วนก็มักจะไม่รับจัดส่ง เนื่องจากปริมาณการสั่งซื้อค่อนข้างน้อย
ธุรกิจร้านอาหารในมาเลเซียก็มีความพยายามลดขยะจากอาหาร
เช่น ร้าน n Viet ที่มีแนวคิด Zero
Food Waste Hero โดยให้ลูกค้าเลือกขนาดรับประทานและเพิ่มขนาดได้โดยไม่คิดเงิน
อีกทั้งยังให้ลูกค้าบริการใบโหระพาด้วยตนเองจากต้นโพระหาที่ตั้งไว้ทุกโต๊ะ
เพื่อลดขยะอาหารจากใบโหระพาที่เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารเวียดนาม ซึ่งลูกค้าบางรายไม่รับประทาน
ร้านอาหารบางร้านก็ไม่บริการซอสหรือช้อนส้อมพลาสติก
หรือใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้หลังจากกระแสความนิยมชานมไข่มุกเข้ามายังมาเลเซีย
ก็ได้สร้างขยะพลาสติกจำนวนมาก หากมีการนำแก้วมาใส่เองและได้รับส่วนลดเหมือน Starbuck
ก็จะช่วยลดปัญหาได้มาก ในส่วนของการสนับสนุนจากภาครัฐ
ปัจจุบันรัฐบาลท้องถิ่นในหลายรัฐมีนโยบายลด/เลิกใช้ถุงพลาสติก และหลอด แต่ยังสามารถให้การสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนได้เพิ่มเติม
โดยให้แรงจูงใจทางภาษีและเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็กอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ แนวคิด และการจัดการหลายๆ ด้าน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหนุนเวียนของมาเลเซียมีอุปสรรคและความท้าทายในช่วงต้น แต่เมื่อสังคมตระหนักรู้มากขึ้น ใส่ใจเรื่องการใช้อย่างคุ้มค่าและการลดปริมาณขยะลง ธุรกิจรักษ์โลกที่เผชิญบททดสอบในตอนต้นก็สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ต่อ แถมยังสะท้อนถึงการใส่ใจต่อโลกและยังยั่งยืนอีกด้วย ตัวอย่างดีๆ ของประเทศเพื่อนบ้านที่ธุรกิจไทยเองในปัจจุบันก็เริ่มนำแนวคิดเรื่อง ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ หรือ ‘Circular Economy’ มาใช้ปรับรูปแบบการทำธุรกิจมากขึ้น หรือแม้จะทั่งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นจากความตระหนักรู้ของสังคม
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อ Bualuang
Green<<