Lifelong Learning การเรียนรู้ตลอดชีวิต ขณะที่การเรียนแบบเดิม
อาจไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่ที่บริบทสังคม และองค์ความรู้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วภายใต้โลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
การ Upskill
และ Reskill เพื่อเติมศักยภาพในด้านต่างๆ
ของบุคลากร จึงเป็นโจทย์ที่ทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญ
ด้วยเหตุนี้
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา วงการ Edtech (Educational
Technology) การเรียนยุคใหม่ที่ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะออฟไลน์
แต่ขยายไปสู่รูปแบบออนไลน์ รองรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ติวเตอร์ และผู้สนใจทั่วไป
แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่มีสตาร์ทอัพบางรายปรับ Business Model มาในกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งตลาดนี้มีผู้เล่นรายใหญ่สายแข็งทั้งในและต่างประเทศปักหลักอยู่ก่อน Edtech Startup หน้าใหม่จะแทรกตัวไปได้อย่างไร เรื่องนี้จึงน่าสนใจยิ่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ตัดภาพมาที่สองหนุ่มผู้มี
Passion อันแรงกล้า คุณนกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ (ปูน) และ คุณอนพัทย์
วิมลประภาพร (ดิน) สองผู้ก่อตั้ง บริษัท โคนิเคิล จำกัด สตาร์ทอัพด้านระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ในองค์กร
(Learning Management System - LMS) จากจุดเล็กๆ
ที่เรียกว่า ‘โอกาส’ ซึ่งนิยามของสตาร์ทอัพมันหมายถึง
‘ความท้าทายใหม่’ ที่อาจนำพาธุรกิจให้
Scale up ได้อย่างรวดเร็ว
คุณนกรณ์ CEO
& Co-Founder Conicle. บอกว่า เป็นความชอบส่วนตัว และอยากทำอะไรสักอย่างที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรม
เขามองว่าสตาร์ทอัพคือ ‘ตัวแปรสำคัญ’ แต่หากย้อนไปในปี
2012 ประเทศไทยเพิ่งรู้จักคำว่า Startup จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเดินบนเส้นทางนี้อย่างราบรื่น
เปิดเส้นทางสาย
Edtech
Startup
ซีอีโอ Conicle เริ่มเล่าถึงฉากแรกตอนไปเรียนกวดวิชา
เห็นนักเรียน นักศึกษา มานั่งเรียนหน้าจอทีวี หรือในคอมพิวเตอร์ ก็คิดว่าทำไมเขาถึงไม่เรียนที่บ้าน
หรือที่ไหนก็ได้ เพราะแค่เรียนกับจอ ไม่ได้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนหรือกับเพื่อนๆ
ในชั้นเรียน
เริ่มต้นที่เห็นโอกาส
มองความยุ่งยาก และข้อจำกัดที่เกิดขึ้น สตาร์ทอัพเรียกสิ่งนี้ว่า ‘Pain
Point’ นำไปสู่การสร้างแพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่ชื่อว่า cocodemy.com ในปี 2015 รูปแบบเหมือนมาร์เก็ตเพลส ที่ให้ติวเตอร์มาลงคอนเทนต์ฟรี และสามารถเรียนที่ไหนก็ได้
โดยจะมีแบ่งปันรายได้จากยอดขาย คล้ายๆ กับมาร์เก็ตเพลสที่เป็นอีคอมเมิร์ซ
เขาบอกว่า ตอนนั้นสามารถชักชวนติวเตอร์มาลงคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มได้ราว
10 ราย แต่ยังไม่ใช่เบอร์หนึ่งของตลาด ความสนใจที่จะเรียนออนไลน์ก็ยังไม่ได้มากเหมือนในตอนนี้
ด้วยเหตุนี้เอง ในปี 2016 โมเดลธุรกิจนี้ก็ต้องพักไว้ก่อน
เนื่องจากยังไม่สามารถสร้างรายได้เท่าที่ควร จึงต้องมาทบทวนธุรกิจ
และอาจต้องกำหนดเส้นทางสายใหม่
“ภาษาสตาร์ทอัพเรียกว่า
Pivot เราต้องเปลี่ยนทิศทางธุรกิจแล้ว
เนื่องจากมองอนาคตแล้ว หากยังดันทุรังไปต่อ คงจะไม่รอด เหมือนเราทำแบบนั้นเร็วไป”
ก้าวสำคัญบนเส้นทาง
LMS
คุณนกรณ์
บอกว่า ตอนนั้นเลยมาวิเคราะห์จุดแข็งของธุรกิจกันใหม่ และต้นทุนที่มีในตอนนั้น คือ
ยังมี Learning
Platforms มี Learning Material ตอนนั้นจึงเริ่มทำ
Video Streaming โดยนำหลักสูตรการเรียนรู้ต่างๆ มาพัฒนา เพื่อให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้เองผ่านแพลตฟอร์ม
ก่อนจะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าองค์กรที่ต้องการฝึกอบรบ หรือพัฒนาบุคลากรภายในบริษัท
“ตอนนั้น
แค่คิดว่า ถ้ากลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ ติวเตอร์ นักเรียน นักศึกษา ยังจะสามารถขยายตลาด
Edtech ไปในกลุ่มไหนได้อีก จนได้พบกับ AIS
อีกครั้ง”
ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
Conicle
เคยไปประกวดเวที AIS The Start Up และดูเหมือน
Edtech ก็ไม่ได้เซ็กซี่มากพอในตอนนั้น
ขณะที่ต่อมาได้มีโอกาสไป Pitching Project Idea กับทาง AIS
Academy สำหรับการเป็นแพลตฟอร์มที่จัดการเรื่องการเรียนรู้และพัฒนาคน
ซึ่ง Conicle ได้ปรับ Business Model เป็น
Cloud Platforms ซอฟต์แวร์ As a Service ดูแลลูกค้าองค์กรในด้าน
Learning Management System (LMS) และงานด้าน HR, HRD
“ตอนนั้น AIS กำลังมองหา LMS ที่มีใน Mobile Application ซึ่ง Cloud Platforms ของ Conicle พัฒนามารองรับทั้งระบบ iOS และ Android ต่อมาก็ได้เซ็นสัญญากับ AIS ลูกค้าองค์กรรายแรกของ Conicle”
ปี 2017 Conicle ได้ปรับแพลตฟอร์มเป็นเวอร์ชันใหม่ มุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการพัฒนาบุคลากร ขณะที่ตอนปี 2018 เป็นช่วงที่เทรนด์ตอนนั้นให้ความสำคัญกับการ Up-Skill, Re-Skill เพื่อให้บุคลากรในองค์กรสามารถที่จะเข้าใจและดำเนินงานได้ตามการเติบโตของบริษัท ซึ่งจุดเด่นของ Conicle คือเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนงานด้าน HR Transformation Solution ให้กับลูกค้าองค์กร
อีกจุดเปลี่ยนสำคัญคือ
การเข้ามาลงทุนของ บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ในปี 2019 กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์
HR Management และให้บริการ Outsourcing แก่องค์กรเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล
ถือเป็นผู้นำทางด้าน HR Solution ของประเทศ โดย
Conicle ได้มีโอกาสไปแนะนำตัว และอธิบายสิ่งที่ทำอยู่ ต่อมาฮิวแมนิก้าก็ร่วมลงทุนด้วย
ซึ่งทำให้มีเงินทุนมาพัฒนาต่อ
Blended Learning ผสมผสานทุกการเรียนรู้
คุณนกรณ์
บอกว่า Conicle
Platform เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) การเรียนออนไลน์อย่างเดียวก็อาจไม่ตอบโจทย์ แต่ออฟไลน์ก็ล้าสมัยและมีข้อจำกัดหลายด้าน
ด้วยเหตุนี้แพลตฟอร์มที่ดีจึงต้องทำให้กระบวนการเรียนรู้สามารถส่งมอบประสบการณ์ได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ถึงตรงนี้จะเห็นว่ารูปแบบธุรกิจของ
Conicle แบ่งเป็น Conicle Platform ซอฟต์แวร์ As
a Service แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้ลูกค้าสามารถอัพคอนเทนต์
และบริหารจัดการเรื่องคอร์สการเรียนภายในองค์กรได้เอง และอัพเดตให้กับพนักงานทุกคนได้รับทราบเรียนรู้อยู่เสมอ
ว่ามีอะไรที่เขาต้องเรียนรู้บ้างในเดือนนี้ ตลอดจนการใช้งาน Online
Material เช่น Video/Audio, e-book,
clip ต่างๆ ได้เอง
ส่วนคอร์สออฟไลน์ก็จะเป็นรูปแบบ
Classroom
Management สอนความรู้เรื่องการจัดการต่างๆ รวมถึงตัวซอฟต์แวร์ยังมีระบบจัดการหน้าบ้านและหลังบ้าน
สามารถคำนวณต้นทุนในการจัดคอร์สเรียนต่างๆ การทำตารางนัดหมาย การประชุม
และการจัดการ ต่างเสมือนเป็นผู้ช่วย HR ขององค์กร ลักษณะธุรกิจเป็นแบบ
B2B
แตกแขนงสู่ ‘ConicleX’
ภายหลัง ฮิวแมนิก้า
ซึ่งเป็น Strategic Partner เรียกว่าเป็นทั้งนักลงทุนและพี่เลี้ยงคนสำคัญ
ตอนปี 2019 จึงได้พัฒนาอีกธุรกิจหนึ่ง คือ ‘ConicleX’ ทำหน้าที่คล้ายๆ App Store
ของแพลตฟอร์ม ให้บริการคอนเทนต์ด้านบริหารจัดการลูกค้าองค์กร
หรือคนทั่วไปที่สนใจ ก็สามารถสมัครคอร์สและเรียนผ่านแพลตฟอร์มได้เลย
ถือเป็นจุดสำคัญของการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน
และยืนหยัดอยู่ได้แม้จะต้องประชันขันแข่งกับผู้เล่นระดับ Global Player ในตลาดนี้
โดยภายในแพลตฟอร์ม ‘ConicleX’
จะมีคอนเทนต์ของวิทยากรที่มีชื่อเสียงมาลงไว้
หรือเราไปซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์นั้นเพื่อมาใช้เรียนในแพลตฟอร์ม ปัจจุบันมีเกือบ
300 หลักสูตร ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นแพลตฟอร์มประมาณ 70% ส่วนคอนเทนต์ 30%
“จะเห็นว่า Business Model ของ ConicleX จะคล้ายๆ กับโมเดลติวเตอร์มาร์เก็ตเพลสที่เคยทำในช่วงเริ่มต้น แตกต่างเพียงกลุ่มเป้าหมาย”
Conicle คาดหวังจะเป็นสตาร์ทอัพที่ให้บริการ
Specific Software ในด้านการเรียนรู้ภายในองค์กร โดยที่ต้องการเชื่อมกับระบบ
ERP (Enterprise Resource Planning) หรือ HRIS (Human
Resources Information System) ขององค์กรเพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้าองค์กร
(Seamless Experience) ขณะเดียวกันก็มองก้าวต่อไปของ Conicle ไว้ด้วย
ระดมทุนรอบ Series
A
ช่วงต้นปี 2564
อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้บริษัท
อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ร่วมกับ Humanica, 500 TukTuks, StormBreaker Venture, และ Stundi
ลงทุนใน Conicle รอบ Series A มูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 90 ล้านบาท) การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญของ
Conicle ที่จะเสริมแกร่งธุรกิจมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ Learning
Platform และ HR Transformation Solution ให้กับลูกค้าองค์กร
และเตรียมพร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
Edtech ปัจจุบันเป็นอย่างไร
คุณนกรณ์
บอกว่า ในตลาด Edtech มีความท้าทายมาก และคู่แข่งเยอะมาก
สำหรับตลาดแพลตฟอร์มที่เป็นลูกค้าองค์กรนั้น ปัจจุบัน Conicle มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 3 ของตลาดนี้ และแม้ว่าคู่แข่งส่วนใหญ่เป็นระดับ Global
Players ที่มีซอฟต์แวร์ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเขาเองก็บอกว่าจะพยายามเรียนรู้จากลูกค้า
และเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ
ขณะที่ในส่วนคอนเทนต์
ที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นรายเก่า อาทิ Business Coach &
Consulting และ Training Center ต่างๆ แต่ Conicle ไม่ได้เป็นอาจารย์มาสอนเอง แต่หาพันธมิตรที่เป็นวิทยากร อาจารย์ เพื่อมาสอนในแพลตฟอร์ม
รวมทั้งมีทีมผลิตสื่อการเรียนในรูปแบบต่างๆ โดยสอนตาม Contract ในช่วงเวลานั้นๆ อย่างไรก็ตามตลาด Content เองก็มีการแข่งขันสูงแต่เราก็พยายามหาจุดคุ้มทุนอยู่
Series D
ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ถึงจุดหนึ่ง...สตาร์ทอัพก็ต้องมองที่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น
Conicle
ก็มองเช่นกัน โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ B2B ซึ่ง คุณนกรณ์ มองว่า ตลาดอาเซียนมีความน่าสนใจ รวมทั้งตลาดออสเตรเลีย
แต่ในส่วนตลาดที่เป็น Global
เขามองว่าอาจจะต้องการเวลาอีกสักระยะหนึ่ง
ดังนั้นแนวโน้มอันใกล้นี้จึงมีแผนที่อาเซียน
อาทิ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือเวียดนาม
โดยเน้นขยายฐานลูกค้าองค์กรซึ่งเป็นกลุ่มที่ถนัดก่อนที่จะขยายไปใน
Mass Market ซึ่งเป็นอนาคตที่มองไว้เช่นกัน
และถึงตอนนั้นอาจวกกลับมาทำแพลตฟอร์มติวเตอร์อีกครั้ง
Unicorn รายต่อไปของไทย
?
“สตาร์ทอัพทุกคน
ฝันอยากเป็น Unicorn” Conicle ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ซึ่งคุณนกรณ์ มองว่า ตอนนี้ธุรกิจส่วนใหญ่ของเขายังเป็นลักษณะ B2B ปัจจุบันมีลูกค้าองค์กรชั้นนำกว่า 50 องค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม
แต่ถ้าต้องการที่จะสเกลอัพไปสู่อีกจุดหนึ่ง เขามองไปที่โอกาสในตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย
รวมถึงการปรับธุรกิจมาให้บริการลักษณะ B2C
โอกาสก็จะโตได้อีกมาก แต่อย่างทีบอกตลาดนี้คู่แข่งมากด้วยเช่นกัน
“เรามองอัตราการเติบโตว่ายังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากนั้นเราจะต้องมาคิดในเรื่องของ Mass Market มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ”
รวมถึงความน่าสนใจในกลุ่ม SME ที่ต้องการพัฒนาบุคลากร แต่ยังไม่มีกำลังพอที่จะจัดคลาสเรียนเองได้ ดังนั้น Conicle ต้องพัฒนาคอร์สในรูปแบบที่ SME สามารถเข้าถึงได้
แต่ด้วยสภาพตอนนี้
สิ่งที่ทำได้ คือ ขยายฐานลูกค้าองค์กรไปสักระยะก่อน ค่อยขยับเมื่อตลาดพร้อม ส่วนการเป็น
Unicorn
นับว่าสตาร์ทอัพยุคนี้โอกาสเปิดกว้างมาก ผู้เล่นรายเก่า-ใหม่สามารถขึ้นไปถึงจุดนั้นได้เพียงไม่กี่ปี
อยู่ที่จังหวะและโอกาส ที่สำคัญ Edtech ยังมีช่องว่างอีกมาก คุณนกรณ์
จึงเน้นย้ำว่า Conicle ก็อยากจะเป็น Unicorn เช่นกัน แต่อาจจะไม่ใช่ในเร็ววันนี้
รู้จัก Conicle
ให้มากขึ้นได้ที่ :