ผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ภาพรวมการค้าชายแดนของไทยในปี 2563 ที่วางไว้มูลค่าประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ล่าสุด นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตัวเลขสถิติการค้าชายแดนและผ่านชายแดนของไทยช่วง 2 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.) พบว่ามีมูลค่า 171,314 ล้านบาท ลดลง 6.46% โดยส่งออก 117,946 ล้านบาท ลดลง 6.10% และการนำเข้า 53,368 ล้านบาท ลดลง 7.25% เกินดุลการค้า 64,578 ล้านบาท
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้ "มาเลเซีย"
ถือเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับหนึ่งของไทยมีมูลค่า 62,807 ล้านบาท ลดลง 10.48%
เป็นการส่งออก 41,131 ล้านบาท ลดลง 3.21% นำเข้า 21,676 ล้านบาท ลดลง 21.65%
รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 43,717 ล้านบาท ลดลง 14.04% กัมพูชา มูลค่า 33,904
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.66% และเมียนมา มูลค่า 30,885 ล้านบาท ลดลง 5.89%
สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปทางมาเลเซีย
คือ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ส่วนด่านสปป.ลาว จะเป็นสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
และน้ำมันดีเซล ขณะที่กัมพูชาจะเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์
อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ ส่วนเมียนมา
ส่วนใหญ่เป็นสินค้าน้ำมันดีเซล เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ผ้าผืน และด้าย
อีกด้านหนึ่งยอดการค้าผ่านแดนไทยของไทย
ส่งไปยังสิงคโปร์เป็นอันดับ 1 มีมูลค่า 14,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.68%
เป็นการส่งออก 5,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.00% นำเข้า 8,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
21.49% รองลงมา คือ จีนตอนใต้ มูลค่า 12,256 ล้านบาท ลดลง 27.34% และเวียดนาม มูลค่า
6,898 ล้านบาท ลดลง 46.47%
แต่อย่างไรก็ตาม
เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
บริเวณชายแดนในระยะนี้จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน โดยตามแผนของกรมการค้าต่างประเทศ
เตรียมจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน บริเวณอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และอีกหลายจังหวัด
อาทิ เชียงราย นครพนม ตาก และยะลา ก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้าร่วมงานแสดงสินค้ามหกรรมการค้าชายแดน
ก็ต้องติดตามประกาศการจัดงานของกรมการค้าต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
ผลกระทบชัดเจนหลังจากโควิด – 19
ระบาดรุนแรงขึ้น เห็นชัดจากกรณีที่ทางการมาเลเซียและประกาศปิดประเทศครั้งแรกถึง 31
มีนาคม 2563 และล่าสุดทางการมาเลเซียขยายระยะเวลาปิดประเทศต่อเนื่อง 2
สัปดาห์ถึงกลางเดือนเมษายน
โดยนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีคำสั่งขยายระยะเวลาปิดประเทศซึ่งห้ามการเดินทางไปต่างประเทศ
และห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงปิดธุรกิจเอกชนสถานที่ราชการบางประเภท
และศาสนสถาน ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านชำ ร้านสะดวกซื้อ
ซึ่งเดิมมีกำหนดบังคับใช้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ออกไปอีก 2 สัปดาห์
หรือถึงวันที่ 14 เมษายน 2563
ประเด็นนี้เชื่อมโยงกับการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียอย่างมาก เพราะมาเลเซียเป็นผู้ผลิตถุงมือยางระดับโลก เป็นแหล่งนำเข้าน้ำยางข้นของไทย เมื่อเกิดการปิดประเทศต่อเนื่อง ส่งผลต่อการขนส่งสินค้าด่านชายแดน โดยเฉพาะการส่งสินค้ายางพาราของไทยไม่สามารถทำได้ ส่งผลให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ต้องเร่งเจรจากับมาเลเซียเพื่อขอให้เปิดด่านการค้าปาดังเบซาร์ ที่จังหวัดสงขลา เพื่อขายให้กับโรงงานถุงมือยาง นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 โดยจะทำได้ทางรถไฟเท่านั้น
ในมุมภาคเอกชน นายนิยม
ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
และคณะอนุกรรมการกลุ่มค้าชายแดนและค้าข้ามแดนด้านจีนตอนใต้
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่าผลพวงจากการปิดด่านชายแดน ทั้งด่านค้าการถาวร
และจุดผ่อนปรนต่างๆ กว่าร้อยละ 50% จากทั้งหมด ซึ่งจะกระทบต่อการส่งมอบสินค้า
เพราะทำให้เกิดปัญหาความแออัดจากความล่าช้าในตรวจสอบเอกสารและตรวจคัดกรองผู้ขนส่งสินค้า
ซึ่งอาจจะสร้างผลเสียต่อสินค้าเกษตร
โดยเฉพาะผลไม้ มันสำปะหลัง หรือสินค้าที่เกี่ยวกับซัพพลายเชน ซึ่งหากรัฐไม่วางแนวทางที่ชัดเจนก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของภาคเอกชน และในท้ายที่สุดภาพรวมการค้าชายแดนในปี 2563 อาจจะขยายตัว 2-3% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 7%