จากหลายการศึกษาให้ผลสอดคล้องกันว่า นอกจากภาวะสูงอายุแล้ว ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นสาเหตุการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ที่มีโรคอื่นร่วมด้วย จะมีอาการแสดงที่รุนแรงและมีความเสี่ยงต่ออัตราการเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคร่วมด้วย โดยโรคที่พบร่วมซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุด คือโรคความดันโลหิตสูง รองลงมาคือโรคเบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอุดตันเรื้อรัง ตามลำดับ นอกจากนั้นโรคชนิดอื่น เช่นโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคปอด ล้วนมีผลส่งเสริมทำให้อาการแสดงจากโรคโควิด 19 รุนแรงขึ้น และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผู้เป็นเบาหวานมีโอกาสติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้มากกว่าคนปกติหรือไม่
แม้โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมอาการแสดงที่รุนแรงและอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตจากโรค
COVID-19 ได้ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่
1 และ 2 มีโอกาสติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2
ได้ไม่แตกต่างจากคนปกติ เพียงแต่หากผู้ป่วยเบาหวานเกิดการติดเชื้อแล้วจะมีโอกาสเกิดอาการแสดงที่รุนแรงมากกว่า
ทั้งนี้อ้างอิงจากผลการศึกษาแบบวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis) ซึ่งวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลจากผลการศึกษาทางคลินิกจำนวน 14 การศึกษา มีผู้ป่วยโรค COVID-19 จำนวน 29,909
คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 จำนวน 1,445
คน พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย มีความเสี่ยงการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติมากกว่า
2 เท่า
ทำไมผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงมีอาการจากการติดเชื้อรุนแรงกว่าคนปกติ
สาเหตุที่คาดว่าเกี่ยวข้อง ได้แก่
1. เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สามารถจับและเข้าสู่เซลล์ง่ายขึ้น
เพราะที่ผิวเซลล์ปอดของผู้ป่วยเบาหวานจะมีการเพิ่มการแสดงออกของรีเซปเตอร์ชนิด Angiotensin
converting enzyme 2 (ACE2 receptor) และเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องในการแยก
spike (S)-protein ของเชื้อออกเป็น S1
และ S2 ซึ่งจำเป็นในการจับกับ ACE2
รีเซปเตอร์ชนิดมากขึ้น ส่งผลทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้มากขึ้น
2. ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นจะทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัสลดลง
3. ในร่างกายผู้ป่วยเบาหวานจะมีความไวต่อการเกิดกระบวนการอักเสบมากกว่าปกติ
(Hyperinflammation) นอกจากนั้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันจะลดลง
ทำให้กระบวนการจัดการกับกระบวนการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสด้อยประสิทธิภาพลง
แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ป่วยโควิด
19
หากผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น
โรคเบาหวาน แสดงมีอาการทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย มีน้ำมูก
จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ที่ต้องสงสัยการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ให้รีบไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที
การมารักษาช้าอาจเสี่ยงต่อการอาการแสดงที่รุนแรงอันอาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
การศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรคโควิด
19 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ (Uncontrolled
diabetes) จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและต้องใช้เวลารักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่าคนปกติ
ดังนั้นวิธีการสำคัญที่สุดในการรักษาคือ ผู้ป่วยควรต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
ร่วมกับการติดตามรักษาอาการแสดงอื่นๆ จากโรค COVID-19 โดยหากผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้
ควรรับประทานยาลดน้ำตาลในเลือดที่ทานอยู่เดิม ไม่ควรหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนยาเอง
และหากต้องรักษาตัวในสถานพยาบาลต้องแจ้งรายละเอียดชนิดยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบ
เพื่อพิจารณาการรักษาให้เหมาะสมตามระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย
ผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งมีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่เป็นสาเหตุการป่วยโรคโควิด 19 ดังนั้นการปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธีในการป้องกันการติดเชื้อตามแนวทางของกรมควบคุมโรค
เช่น การหมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ
ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
ใกล้ชิดคนอื่นให้น้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา
ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น เป็นต้น
ร่วมกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ระดับปกติ
และสิ่งสำคัญคือต้องกระตุ้นความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยการหมั่นดูแลให้ร่างกายแข็งแรงโดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากมีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อให้รีบตรวจยืนยันการติดเชื้อและเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด
แหล่งอ้างอิง : https://pharmacy.mahidol.ac.th/