วิกฤติโรคโควิดครั้งนี้
อาจเป็นโอกาสเติบโตของภาคเกษตรไทย คือการที่แรงงานรุ่นใหม่จำนวนมากเดินทางกลับบ้าน
จากเดิมทิ้งบ้านไปหางานต่างถิ่นปล่อยคนเฒ่าคนแก่ทำการเกษตรตามยถากรรม จึงกลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญของรัฐบาล
ในการดำเนินนโยบายจูงใจให้เกษตรกรรุ่นใหม่เดินหน้าทำการเกษตร
ลดการกระจุกตัวของที่ดิน ขยายโครงข่ายแหล่งน้ำ
รวมถึงหนุนเสริมให้เกิดนวัตกรรมทางการเกษตร
และพัฒนาทักษะทางธุรกิจและดิจิตอลให้เกษตรกรรุ่นใหม่
เพื่อให้รายได้จากภาคเกษตรจะกลับมามีบทบาทในฐานะ "รายได้หลัก"
ของครัวเรือนอีกครั้ง
แม้ปัจจุบันโรคโควิดในประเทศไทยถือว่าคลี่คลายลงแล้ว
แต่มีหลายภาคธุรกิจที่บาดเจ็บหนักที่สุด เช่น ภาคโรงแรม การท่องเที่ยว และบริการ
รวมถึงเหล่าธุรกิจที่ต้องบริโภคแบบแนบชิดสนิทเนื้ออย่างสถานบันเทิง ร้านอาหาร
โรงภาพยนตร์ และงานคอนเสิร์ตต่างๆ อุตสาหกรรมเหล่านี้คือเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตวันโตคืน
ขณะที่ภาคเกษตรยิ่งนานวันยิ่งลดน้อยด้อยความสำคัญ จากงานวิจัยภูมิทัศน์ภาคเกษตรไทย ล่าสุดคิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของจีดีพีไทย เนื่องจากเกษตรกรทุกวันนี้เกินกว่าครึ่งหนึ่งต้องพึ่งพารายได้นอกภาคการเกษตรคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของรายได้ทั้งหมด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ภาคเกษตร เครื่องจักรสำคัญพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
จากงานวิจัยภูมิทัศน์ภาคเกษตรไทย จะพลิกโฉมภาคเกษตรไทยอย่างไรสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน? ในครั้งล่าสุดได้นำเสนอว่าต้นทุนในภาคการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งส่งผลต่อกำไรที่ลดลงจนการปลูกสินค้าเกษตรหลายชนิดกลับยิ่งทำยิ่งจน
อีกทั้งหนี้สินครัวเรือนยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เกษตรกรอายุ 85 ปี
ยังมีมูลหนี้เฉลี่ยสูงถึงหลักแสนบาท
จึงไม่น่าแปลกใจที่แรงงานในภาคเกษตรมีแนวโน้มแก่ชราลง
เพราะคนรุ่นใหม่ต่างหันหน้าไปหาอาชีพอื่น
โดยปี 2561 เกษตรกรไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 46%
โดยอายุเฉลี่ยของหัวหน้าครอบครัวในภาคการเกษตรสูงถึง 58 ปี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคเกษตรไทยอยู่ในช่วงขาลงอย่างเต็มขั้นอย่างไรก็ตามวิกฤติโควิด19
ที่ทำให้หลายอุตสาหกรรมทรุดหนัก
อาจเป็นโอกาสสำคัญที่ภาคการเกษตรจะกลายเป็นกลจักรสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจและเกษตรกรไทยที่รัฐต้องเร่งปลดล็อคหลายอย่าง
ไม่ว่าต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าสินค้าตกต่ำ และต้องเร่งหามาตรฐานช่วยเหลือ
เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่นำความคิดมาต่อยอดการทำเกษตรจากรุ่นเก่า ซึ่งการระบาดของโรคโควิด
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เมื่อแรงงานวัยหนุ่มสาวที่สามารถเข้าถึงองค์ความรู้บนอินเทอร์เน็ต
และมีทักษะด้านดิจิตอล
ต่างเดินทางกลับบ้านเกิดหลังจากเมืองใหญ่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตอีกต่อไป
7 นวัตกรรมการเกษตรเสริมศักยภาพภาคเกษตรไทย
โควิด 19 ส่งกระทบไปในวงกว้างทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมีการเลิกจ้างจากการปิดกิจการมากกว่า
10 ล้านคน ทำให้ต้องกลับมาตุภูมิ “การเกษตร”
จึงเป็นเป้าหมายทางเลือกแรกของหลายๆ คนที่จะใช้ดินแดนสุวรรณภูมิอย่างประเทศไทย
ที่มีทรัพย์อยู่ในดิน สินอยู่ในน้ำ ที่เปรียบเหมือนแหล่งผลิตทองคำล้ำค่า ที่สำคัญที่กลุ่มคนเหล่านี้ที่สามารถนำเทคโนโลยี
นวัตกรรม และการบริหารจัดการ ที่จะผสมผสานกับความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้ กับการสร้างธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทยให้สอดคล้องกับทิศทางกับกระแสของทั่วโลก
และนำมาปรับให้เหมาะสมกับประเทศไทย
ซึ่งสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA ให้คำแนะนำว่ามี
7 นวัตกรรมการเกษตรที่จะเร่งพัฒนายกระดับเกษตรกรดั้งเดิม ในการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการเกษตรของไทย
ประกอบด้วย
1. เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร
เป็นการนำความหลากหลายทางชีวภาพมาประยุกต์ให้เกิดธุรกิจและแนวทางการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ
ไม่ว่าจะเป็นความต้องการอาหารปลอดภัย ประสิทธิภาพการผลิต และการลดต้นทุน
2. เกษตรดิจิทัล
เป็นเทรนด์ใหญ่ที่ทั่วโลกต้องการ เพื่อช่วยสนับสนุนการทำการเกษตร
ไม่ว่าจะเป็นการใช้เซนเซอร์เก็บข้อมูลระดับน้ำที่แปลงนาข้าว
โดยเกษตรกรสามารถดูข้อมูลจากที่บ้านได้ผ่านมือถือ
เมื่อมีข้อมูลมากเพียงพอก็สามารถทำนายสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำขึ้น
3. การจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่
จากเดิมที่คุ้นเคยทั้งการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และการประมงแบบฟาร์ม
ที่มีปัจจัยมากมายยากที่จะควบคุม
ทำให้การปลูกพืชแนวตั้งหรือโรงงานปลูกพืชที่มีขนาดใหญ่ เกิดความคุ้มค่ากับการลงทุน
เป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นในทั่วโลก
4. เครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ
แม้ว่าตอนนี้จะมีแรงงานกลับถิ่นฐานและมีคนสนใจทำเกษตรกรรมมากขึ้น
แต่ต้องมีแนวทางในการดึงดูดให้คนหันมาทำการเกษตร ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดแรงงาน
สามารถทำการเกษตรได้เหมือนเกมส์ปลูกผักโดยมีระบบต่างๆ ช่วยสนับสนุน
5. บริการทางธุรกิจเกษตร
ในช่วงออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญของชีวิตประจำวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนไปหลังโควิด
จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งตลาดอีคอมเมิร์ซและระบบขนส่งอัตโนมัติ
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และช่วยในการส่งสินค้าอาหาร–เกษตรแบบเร่งด่วน
6. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและการขนส่ง
ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก เนื่องจากสินค้าเกษตรเมืองร้อนของไทยมีผิวเปลือกบาง
ทำให้ง่ายต่อการเน่าเสียและเก็บรักษายาก
ดังนั้นสิ่งที่ควรเร่งสร้างสำหรับธุรกิจนี้ ได้แก่ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยืดอายุและเก็บรักษาความสด
โดยที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
7. ธุรกิจ “ไบโอรีไฟนารี”
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรที่มีโอกาสเติบโตและหลายภาคส่วนให้ความสนใจ
โดยเป็นการแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตรหรือของเหลือทิ้งจากการเกษตร ด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ
โดยใช้จุลินทรีย์ แบคทีเรีย ยีสต์ เอ็นไซม์ หรืออื่นๆ ให้ทำหน้าที่เสมือนโรงงาน (cell factory)
ให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
แนวทางเหล่านี้จะเป็นเข็มทิศตอบโจทย์กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่วงการเกษตร
และต้องการยกระดับการเกษตรของไทยไปพร้อมกัน
ด้วยการการใช้เทคโนโลยีแก้ไขปัญหาในแนวคิดเกิดรูปแบบทำเกษตรแนวทางใหม่
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : https://thaipublica.org/