เปิดตลาด ‘จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ’ ช่วย SME สู้วิกฤติโควิด-19
ภายใต้มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19
ภาครัฐโดยการร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.) กรมบัญชีกลาง และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สภาพัฒน์ฯ) ตลอดจนภาคีเครือขายภาครัฐและภาคเอกชน หวังช่วย SME สู้วิกฤติโควิด-19 รุกตลาดใหญ่
“จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” ที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท
ทั้งเตรียมเดินหน้าทั้งมาตรการกำหนดโควตาซื้อสินค้า/บริการ และการให้แต้มต่อ SMEs เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน พร้อมเปิดช่องทางเข้าถึงผู้ประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นด้วยการขึ้นทะเบียน SME และจัดทำแคตตาล็อกสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนับเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการ SME เห็นได้จากข้อมูลในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ของกรมบัญชีกลาง พบว่าตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ที่ผ่านมา SMEs ยังเข้าถึงได้น้อย ซึ่งจากจำนวน SMEs ที่เป็นนิติบุคคลซึ่งมีกว่า 7 แสนราย มีผู้ที่สามารถเข้าสู่ระบบจัดซื้อฯ
โดยร่วมยื่นข้อเสนอโครงการได้เพียง 61,956 ราย หรือเพียงร้อยละ 8.84
อุปสรรคสำคัญมาจาก SMEs ขาดความรู้
ความเข้าใจในการเข้าถึงระบบฯ
รวมทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนและกระบวนการจัดจ้างของภาครัฐ นอกจากนี้ยังมีต้นทุนที่สูง
ขณะที่ความน่าเชื่อถือในการดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขการจ้างและภายในระยะเวลาที่กำหนดมีต่ำกว่ารายใหญ่
ด้วยเหตุนี้แนวทางการส่งเสริม SME ให้เข้าสู่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ในช่วงที่ผ่านมากรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างนำเสนอ 2 มาตรการ ได้แก่
1. การกำหนดสัดส่วนงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างจาก
SME คิดเป็นร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง
2. การกำหนดแต้มต่อด้านราคา เพื่อให้ SME ที่เสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดร้อยละ 10
สามารถเป็นผู้ชนะการแข่งขันได้
ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้เตรียมนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
ด้านการส่งเสริม SME ให้เข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ควรมีการดำเนินการ ประกอบด้วย
1. การขึ้นทะเบียน SME ภายใต้มาตรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นการเฉพาะ
เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กำหนด ซึ่งนอกจากจะเป็นการยืนยันตัวตนของ SME
แล้ว ยังเปิดโอกาสให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้ทราบข้อมูลผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น
2. จัดทำบัญชีรายการสินค้าและบริการ (Product List / SME Catalog) โดยรวบรวมรายการสินค้า SMEs
ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ผู้ซื้อซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ
สามารถเลือกซื้อหรือใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้าได้
โดยสินค้านำร่องที่จะอยู่ในบัญชี SME Catalog ในเบื้องต้น
ประกอบด้วย
1) อุปกรณ์ที่ใช้ในสำนักงาน
2) เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดเล็ก
3) ของขวัญ/ของชำร่วย
4) อาหารและเครื่องดื่ม
5) จ้างทำของ/จ้างเหมาบริการ
6) โรงแรม/ที่พัก/สถานที่จัดประชุม-อบรม-สัมมนาขนาดเล็ก
นอกจากนี้คณะทำงานยังมีการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมอื่นๆ
เช่น กำหนดงานที่มีมูลค่าไม่เกิน 2-5 ล้านบาท ต้องจ้าง SMEs โดยเฉพาะ ต้องเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ
ฯลฯ และพิจารณาให้ความช่วยเหลือ SMEs ไม่ว่าจะเป็นให้คำปรึกษาแนะนำการเขียนข้อเสนอโครงการ
การจัดเตรียมเอกสารประกอบการยื่นข้อเสนอ
รวมถึงเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจของ SMEs ในเรื่องดังกล่าวให้กับส่วนราชการซึ่งเป็นผู้กำหนดขอบเขตการจ้างงานได้รับรู้
เพื่อผลต่อการพัฒนาปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างงานให้เอื้อต่อ SMEs มากขึ้น
ดัน สสว.ต้นแบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อ SMEs
ทั้งนี้ สสว. ได้เตรียมนำเสนอแนวทางการส่งเสริม SMEs ให้เข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ประกอบด้วย
5 แนวทาง ได้แก่
1) กำหนดโควต้าการจัดซื้อจัดจ้าง
ให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะ SMEs ในท้องถิ่นและกลุ่ม Micro
2) การให้แต้มต่อด้านราคา
3) กำหนดประเภทสินค้าที่จะส่งเสริม
4) กำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้าง
5) กำหนดโจทย์การผลิตล่วงหน้า
สิ่งที่ สสว. จะนำเสนอดังกล่าว
ส่วนใหญ่สอดคล้องกับแนวทางของคณะทำงานฯ นอกจากนี้
หากกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานทั้งหมดให้มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของ SMEs เพิ่มขึ้นร้อยละ 10
จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 130,000 ล้านบาท
ส่วนการกำหนดวงเงินจัดซื้อจัดจ้าง SME รวมถึงผู้ประกอบการในประเทศ
เห็นควรกำหนดเพดานวงเงินไม่เกิน 5.7 ล้านบาทต่อครั้ง
ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขภายใต้ข้อตกลงของ WTO
นอกจากนี้ในด้านการกำหนดโจทย์ล่วงหน้า
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา สสว. ได้นำสมาคมการรับช่วงผลิตไทย
ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ไฟฟ้า และอุตสาหกรรม S-Curve เข้าพบ
พลอากาศเอกศิริพล ศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทซ่อมบำรุงอากาศยานให้กับเครื่องบินของกองทัพ
ที่มีกองทุนสวัสดิการกองทัพอากาศ และ สสว. เป็นผู้ถือหุ้น
เพื่อหารือความเป็นไปได้ในการที่ SMEs ไทย ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของโลก จะเข้าเป็นผู้จัดหาสินค้า บริการ
และร่วมผลิตชิ้นส่วนให้กับการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองทัพอากาศ และอุตสาหกรรมการบิน
โดยทางบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด แจ้งว่าเป็นนโยบายของผู้บัญชาการกองทัพอากาศ พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ที่ต้องการจะเชื่อมโยงให้เกิดการกำหนดโจทย์การผลิตล่วงหน้าเพื่อช่วยให้ SMEs ไทยสามารถผลิตสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการจัดซื้อจัดจ้างของ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
โดยบริษัทฯ
จะช่วย SMEs ไทย ตั้งแต่การเตรียมตัวให้ได้การรับรองมาตรฐาน
และในขั้นต่อไป สสว. จะร่วมกับบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด ในการจัดทำ Roadmap
ความร่วมมือด้านโจทย์การผลิตสำหรับ SMEs ไทยเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานต่อไป
อย่างไรก็ดี แนวทางการส่งเสริม SMEs ในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว จะมีการขับเคลื่อนผ่านหน่วยงานที่มีบทบาทภารกิจหลัก ทั้งกรมบัญชีกลาง สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในต่อไป
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
เทรนด์เปลี่ยน! ดัชนีอุตสาหกรรมบางกลุ่มโตสวนกระแส
‘ภัยแล้ง’ ปัญหาห่วงโซ่อาหารที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจมหภาค