ผลการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังทำให้เกิดภาวะการณ์ว่างงานเพิ่มขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก รวมถึง
"สหราชอาณาจักร" หรืออังกฤษ
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีประชาชนว่างงานถึง 2 ล้านคน
ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลดลง 35% ในไตรมาส
2
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เปิดเผยรายงานของ The Office for Budget Responsibility (OBR) ระบุว่ามาตรการล็อกดาวน์ และมาตรการควบคุมการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อบางธุรกิจทำให้มีการผลิตลดลงในช่วงไตรมาส 2 ของปี โดยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก คือการศึกษา ที่พักและบริการด้านอาหาร ก่อสร้าง การให้บริการอื่นๆ และอุตสาหกรรมการผลิต
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่พักและบริการด้านอาหาร
ถือว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุดและยากจะฟื้นตัว
หลังจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมในเดือนมีนาคม 2563 ส่งผลให้มีร้านอาหารจำนวนมากต้องปิด เลิกจ้างพนักงาน
และสูญเสียวัตถุดิบไปอย่างมหาศาล ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายทำให้แต่ละร้านต้องใช้เงินทุนกลับมาฟื้นฟูกิจการ
และซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารอีกครั้งไม่ต่ำกว่า 3-6 แสนบาท
ด้วยเหตุนี้สมาคมร้านอาหารสหราชอาณาจักร
และกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ประเภทสาขา หรือ Chain restaurant กว่า 14 บริษัท เช่น Burger King, Dishoom,
Gordon Ramsay Group, Hawksmoor, Leon, Nardo's, Tortilla และ Wahaca
ได้มีหนังสือถึงรัฐบาลเพื่อขอให้มีมาตรการช่วยเหลือ
ทั้งการขอให้เจ้าของที่ดินผ่อนผันการชำระค่าเช่าออกไป 9
เดือน
หากไม่มีการดำเนินมาตรการช่วยเหลืออาจทำให้กลุ่มธุรกิจบริการนี้ต้องปิดตัวลงมากกว่า
50%
ทั้งนี้รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ
โดยการยกเว้นภาษีธุรกิจให้เป็นเวลา 1 ปี
สำหรับธุรกิจประเภทค้าปลีก ร้านอาหาร โรงละคร โรงหนัง ผับ และบาร์
มีขนาดเล็กไม่เกิน 2 ล้านบาท
และให้เงินกู้ชั่วคราวกับธุรกิจขนาดเล็ก วงเงินประมาณ 50
ล้านบาทต่อราย พร้อมทั้งช่วยจ่ายเงินค่าจ้างให้กับชาวอังกฤษที่ต้องหยุดงานจากโควิดคิดเป็น
80% ของเงินเดือนแต่ไม่เกิน 97,000 บาท
เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
นอกจากมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว
ผู้ประกอบการร้านอาหารแบบสาขาได้ปรับตัว โดยหันไปเปิดบริการแบบเดลิเวอรี่ (Delivery)
และแบบนำกลับ (Take away) เพื่อให้สอดรับกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์
ซึ่งอาจจะมีการขยายระยะเวลาต่อไปจากเดือนพฤษภาคม 2563
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งข้อมูลจากศูนย์วิจัย
Mintel
และ Encovia Intelligence ระบุว่า
พฤติกรรมของผู้บริโภคสหราชอาณาจักรหลังโควิด-19
ได้ปรับเปลี่ยนมาอยู่บ้านลดความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อ ปรุงอาหารรับประทานเอง
ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้าของชำ (Grocery) ช่องทางออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้น
33% มูลค่า 6.5 แสนล้านบาท จากปี 2562 และคาดว่าจะมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 41% เป็น 7 แสนล้านบาทในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือในปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกันผลการสำรวจยังพบอีกว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
ทำให้สินค้ากลุ่มออร์แกนิกและสินค้าสุขภาพในตลาดออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จากข้อมูลนี้นับว่าเป็นโอกาสของสินค้าไทยในการเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหาร และอาหารสุขภาพซึ่งไทยมีจุดแข็งในด้านนี้ และรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นครัวโลกมาโดยตลอด